นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)กล่าวว่า ข้อเสนอการจัดตั้งกองทุนเพิ่มเติมที่จะเข้ามาแสวงหาโอกาสการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ยามที่ดัชนีหุ้นปรับลดลงมามาก ตามที่ได้เสนอให้ที่ประชุมร่วมกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)วานนี้นั้น ยอมรับว่ายังเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณากันในระยะยาว
"ในการประชุมวานนี้ มีข้อเสนอว่าถ้าหากจะมีการจัดตั้งกองทุนเพิ่มเติมก็อาจจะเป็นทางหนึ่ง ซึ่งคงต้องพิจารณากันในระยะยาว ยังไม่มีข้อสรุปอะไรจากที่ประชุมในขณะนี้"นางภัทรียา ให้สัมภาษณ์ทางวิทยุเช้านี้
ผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า ได้นำเสนอแนวคิดดังกล่าวในระหว่างรายงานที่ประชุมว่า ตลท.ได้ร่วมจัดตั้งกองทุนแมชชิ่งฟันด์กับเอกชน เพราะเห็นเป็นโอกาสในการลงทุน โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมจะเป็นผู้ดูแลกองทุนดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม วานนี้ที่ตลาดหุ้นฟื้นตัวในช่วงบ่าย เป็นเพราะผู้ลงทุนทั่วไปกลับเข้ามาลงทุนมากว่า ส่วนกองทุนแมชชิ่งฟันด์คิดว่าไม่ใช่เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยฟื้นตลาด แต่เป็นเพราะมีข่าวว่าธนาคารกลางของประเทศต่างๆได้ร่วมมือกันแก้ปัญหาเรื่องสภาพคล่อง และแนวโน้มตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้ ก็ปรับตัวขึ้นไปด้วย
นางภัทรียา กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้แม้จะปรับตัวลดลง แต่ก็ไม่ได้ปรับลงไปมากกว่าตลาดหุ้นอื่น และยังอยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่าประเทศในแถบนี้ ด้วเยตุที่เศรษฐกิจไทย ยังแข็งแรง ภาคเอกชนก็สามารถปรับตัวได้มากในช่วงที่ผ่านมา
พร้อมกล่าวชี้แนะว่าถ้าพิจารณายังมีหลายบริษัทจดทะเบียนที่มีผลประกอบการดี มีการจ่ายปันผลดี โดยจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง ขณะนี้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 7-10% ก็อยู่ที่เลือกขจังหวะ สำคัญที่ข้อมูล และความเข้าใจธุรกิจที่จะเข้าลงทุน ซึ่งเป็นโอกาสของผู้ลงทุนที่เลือกได้
"ผู้ลงทุนหรือสถาบันการเงินลงทุนที่มีเงินทุนระยะยาว ก็สามารถมองหาโอกาสในวิกฤตได้ โอกาสจะอยุ่กับผู้ที่สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ได้ถูกต้อง และมีเงินทุนระยะยาว จึงต้องวิเคราะห์ให้ดีว่าตรงนี้เป็นจังหวะที่เหมาะที่ตัวเองรับได้กับความเสี่ยง และเตือนให้ระมัดระวัง และรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน" นางภัทรียากล่าว
ทั้งนี้ ในช่วง 3 วันที่ผ่านที่ตลาดหุ้นไทยปรับลงแรง เกิดจากขาดความมั่นใจ ซึ่งเป็นทั้งทั่วภูมิภาค หรือทั่วโลก ก็ทำให้มีแนวโน้มตลาดหุ้นเป็นไปเช่นเดียวกันเหมด
สำหรับ เอไอจี เท่าที่ได้ติดตามและได้รับทราบจากเลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)ทราบว่า เอไอจีก็ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทยอยู่ส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ที่กองทุนขนาดใหญ่ที่กระจายการลงทุน แต่คิดว่า การบริหารการจัดการของเอไอจีเอง ต้องดูแลด้วยความระมัดระวัง แต่สิ่งที่ให้ความมั่นใจได้คือว่าได้มีการกันสภาพคล่องไว้สำหรับกรมธรรม์
ดังนั้น การบริหารจัดการของเอไอจีไม่ได้ทำเพื่อที่จะต้องนำส่งเงินออกไป การบริหารจึงไว้สำหรับกรมธรรม์ในประเทศ และก็ไม่คิดว่า หลักทรัพย์ตัวหหนึ่งตัวใดที่ปรับลดลงไป เป็นเพราะ เอไอเอ มีส่วนด้วย แต่เชื่อว่าเป็นเพราะตลาดโดยรวมมากกว่า
ถ้าเป็นการลงทุนจากต่างประเทศเป็นการลงทุนของเอไอจี ผ่านกองทุนต่างประเทศเข้ามา แต่ก็ได้ประเมินจำนวน ก็ไม่ได้มีมากจนกระทั่งกระทบภาพรวมตลาดหุ้นไทย เพราะว่าเอไอจี ก็ต้องกระจายการลงทุนไปยังตลาดหุ้นต่างๆด้วย เพื่อกระจายความเสี่ยง ไม่ได้เป็น้อย่างที่หลายคนเป็นกังวล อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการแก้ไขเยียวยาโดยเร็ว เพราะสหรัฐเป็นประเทศที่มีธุรกรรมการเงินใหญ่มาก เมื่อเกิดปัญหาก็กระทบกับประเทศต่างๆ
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--