(เพิ่มเติม) EGCO ยืนยัน AIA ยังถือหุ้น 1.5% ไม่ได้ขายออกมา/ยังไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน

          นายศักดา ศรีสังคม รองกรรมผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการเงิน บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้ บริษัท เอไอเอ ยังถือหุ้นบริษัทในสัดส่วน 1.5% เท่าเดิม ไม่ได้มีการเทขายหุ้นออกมาอย่างที่เป็๋นข่าว โดยบริษัทได้สอบถามไปยังเอไอเอแล้ว ก็ได้รับคำยืนยันว่ายังถือหุ้นเท่าเดิม 
          "โบรกเกอร์มีการนำเสนอบทวิจัยหุ้นที่บริษัท เอไอเอ ถือหุ้นอยู่ และหนึ่งในนั้นก็มี EGCO ทำให้เรายย่อยเกิดการ PaniC และทำให้ราคาหุ้นเราลดลงอย่างรวดเร็ว และรายย่อยก็สอบถามข้อมูลมาที่บริษัทจำนวนมาก และเราก็เช็คไปทางเอไอเอแล้ว ก็ยืนยันว่าไม่ได้ขายหุ้นเราออกมา ยังคงถือเท่าเดิมที่ 1.5%"นายศักดา กล่าวกับ"อินโฟเควสท์" 
          แต่ยอมรับว่าราคาหุ้น EGCO ปรับตัวลงมากกว่าหุ้นโรงไฟฟ้าอื่น เนื่องจากธุรกิจโรงไฟฟ้าของบริษัทเข้าสู่ช่วงขาลงตามสัญญาค่าไฟอยู่แล้ว และเป็นไปตามแผนงานปกติ ซึ่งบริษัทเองก็พยายมจะหาโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่เพื่อมาเสริมกำลังการผลิตที่มีอยู่ โดยปัจจุบันยังคงเน้นการลงทุนในพื้นที่แถบอาเซียนเช่น ลาว กัมพูชา เนื่องจาก ทั้ง 2 ประเทศมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)อยู่แล้ว 
          อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน แม้จะยอมรับว่ามีการศึกษาเรื่องนี้อยู่ 
          ราคาหุ้น EGCO เช้านี้เคลื่อนไหวที่ 63.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท (+0.79%) ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาดรวม โดยตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวลงมาก วานนี้ราคาปรับลงไปต่ำสุดที่ 60.00 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปี 
          นายศักดา กล่าวว่า ในวันนี้บริษัทได้พบกองทุนในและต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ยังให้ความสนใจที่จะเข้าลงทุนหุ้นบริษัท เนื่องจากเห็นว่าเป็นหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูงต่อเนื่องมาทุกปี โดยในปีนี้ได้จ่ายปันระหว่างกาลอัตรา 2.50 บาท/หุ้น และทั้งปี 51 คาดว่าจะจ่ายปันผลไม่น้อยกว่าปีก่อนที่มีอัตราจ่ายปันผล 4.75 บาท/หุ้น 
          "กองทุนฯให้ความสนใจหุ้นเรา เพราะถือว่าเป็นหุ้นโรงไฟฟ้าที่มีราคาถูก และตลาดหุ้นไทยก็ยังน่าสนใจในการลงทุน แต่ก็มีความกังวลเรื่องปัจจัยในประเทศ การเมือง ซึ่งมีประเทศอื่นก็มีราคาหุ้นถูกและไม่มัปัญหาการเมืองเหมือนประเทศเรา เป็นเรื่องที่น่ากังวลใจ"นายศักดา กล่าว
          ทั้งนี้ การจัดงานไทยแลนด์โพกัส (17-19 ก.ย.) อยู่ในช่วงจังหวะวิกฤติการเงินของโลก ทำให้ความสนใจของนักลงทุนอาจจะน้อย และที่สนใจก็ยังมใความกังวลสูง จึงต้องรอแวลากว่าม็ดเงินต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย 
          สำหรับการทบทวนสัญญาค่าไฟโรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 ในลาวนั้น นายศักดา คาดว่าในปี 52 จึงได้ข้อสรุป เนื่องจากมีผู้ประกอบการหลายราย ที่ต้องทบทวนสัญญาใหม่ด้วย ตามต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน คงจะมีการหารือร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง