ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวแข็งแกร่งต่อเนื่องเป็นวันที่สองเมื่อคืนนี้ (19 ก.ย.) โดยนักลงทุนได้กลับเข้ามาในตลาด เนื่องจากคลายวิตกหลังจากที่รัฐบาลมีแผนจะคลี่คลายภาวะผันผวนในระบบการเงินด้วยการช่วยเหลือธนาคารต่างๆ ให้รอดพ้นจากหนี้เสียหลายพันล้านดอลลาร์
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดทะยาน 368.75 จุด หรือ 3.35% แตะที่ 11,388.44 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 48.57 จุด หรือ 4.03% แตะที่ 1,255.08 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 74.80 จุด หรือ 3.40% แตะที่ 2,273.90 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กหนานแน่นราว 3 พันล้านหุ้น เทียบกับวอลุ่ม 2.45 พันล้านหุ้นในวันพฤหัสบดี และมีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 7 ต่อ 1
ทั้งนี้ เฮนรี พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ, เบน เบอร์นันเก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านเศรษฐกิจของสหรัฐ ได้ประชุมร่วมกันเพื่อหาแนวทางในการกู้วิกฤติให้กับบรรดาสถาบันการเงิน โดยนายพอลสันไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดของแผนการกู้วิกฤติมากนัก แต่ระบุว่าในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เขาและแกนนำของสภาคองเกรสจะประชุมร่วมเพื่อหารือกันถึงแนวทางที่ชัดเจนและครอบคลุมในการกำจัดหนี้เสียของสถาบันการเงินต่างๆ
อย่างไรก็ดี รายงานข่าวระบุว่า การหารือดังกล่าวได้พิจารณาเรื่องการจัดตั้งหน่วยงานในรูปของบรรษัทเพื่อเข้าไปซื้อสินเชื่อจำนองที่มีปัญหา และซื้อสินทรัพย์เกี่ยวกับการจดจำนองจากธนาคารต่างๆ แล้วนำออกขาย ซึ่งจะทำให้ธนาคารต่างๆ เริ่มมีช่องทางในการปล่อยกู้อีกครั้ง และจะส่งสืบเนื่องให้ระบบการเงินกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้
ข้อเสนอของรัฐบาลซึ่งยังคงอยู่ในระหว่างดำเนินการนั้น ได้ช่วยคลายความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับหนี้เสียจากการปล่อยกู้จำนองที่อาจจะเป็นสาเหตุให้มีบริษัทการเงินล้มลงอีก และอาจสร้างความเสียหายให้แก่ระบบธนาคารและระบบเศรษฐกิจโดยรวมเพิ่มมากขึ้น โดยนักวิเคราะห์กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกที่แผนการรับมือกับวิกฤตการเงินของรัฐบาลมีความเด็ดขาดเพียงพอที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตลาด โดยที่ผ่านมา รัฐบาลมักจะใช้วิธีการอย่างเช่นการอัดฉีดเงินสดเข้าสู่ระบบธนาคาร ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เห็นผลเท่าที่ควร
เจย์ มูเอลเลอร์ นักเศรษฐศาสตร์จาก Strong Capital Management กล่าวว่า แนวทางในอดีตของรัฐบาลเป็นเพียงการปฐมพยาบาล แต่ตอนนี้ เริ่มที่จะมีการจัดการกับรากเหง้าของปัญหาอย่างจริงจังแล้ว
ด้านสตีเฟน คาร์ล หัวหน้าฝ่ายค้าหลักทรัพย์จาก The Williams Capital Group กล่าวว่า หากแผนของรัฐบาลเข้าที่เข้าทางแล้ว แน่นอนว่ามันจะเป็นผลดีในการช่วยบรรเทาความเสียหายหรือผลกระทบ
เมื่อวันศุกร์รัฐบาลสหรัฐได้เดินหน้าไปอีกขั้นในการฟื้นฟูเสถียรภาพให้ระบบการเงิน เมื่อเฟดประกาศจะขยายวงเงินกู้ฉุกเฉินให้รัฐบาลพาณิชย์ พร้อมอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบการเงินเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐได้มีมาตรการเบื้องต้นที่นำมาใช้เพื่อสกัดการดิ่งลงของหุ้นในกลุ่มการเงินด้วยการห้ามชอร์ตเซลหุ้นสถาบันการเงิน 799 แห่งในตลาดเป็นการชั่วคราวไปจนถึงวันที่ 2 ตุลาคม ทั้งนี้ การทำชอร์ตเซลคือการหากำไรจากราคาหุ้นที่ลดลง โดยนักลงทุนจะขายหุ้นที่ไปทำข้อตกลงขอยืมมาเพราะคาดหมายว่าราคาจะลดลงในอนาคต และเมื่อถึงกำหนดเวลาที่ตกลงกันก็จะซื้อหุ้นมาชดใช้คืน ซึ่งหากราคาในอนาคตลดลงไปตามที่คาด นักลงทุนผู้ทำชอร์ตก็ได้กำไรจากส่วนต่าง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--