นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะเคลื่อนตัวผันผวนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคการเงินของสหรัฐ นับตั้งแต่เลห์แมน บราเธอร์ อดีตวาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอการพิทักษ์ทรัพย์สินจากการล้มละลายตามกฎหมาย ขณะที่เมอร์ริล ลินช์ วาณิชธนกิจรายใหญ่อีกแห่งหนึ่งของสหรัฐประสบปัญหาสภาพคล่องจนต้องขายกิจการให้แบงค์ ออฟ อเมริกา และอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (AIG) ขอวงเงินกู้ฉุกเฉิน 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อแลกกับการที่เฟดเข้าไปถือหุ้น 79.9% ใน AIG
จอห์น โอโดนอฟ นักวิเคราะห์จากบริษัทโคเวน แอนด์ โค กล่าวว่า "ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะจับตาดูผลพวงที่เกิดจากการมาตรการช่วยเหลือสถาบันการเงินที่รัฐบาลสหรัฐประกาศใช้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งจากการประเมินโดยรวมพบว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ค่อนข้างพอใจกับมาตรการดังกล่าว แต่ก็ยังมีบางกลุ่มที่มีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายเนื่องจากยังกังวลเรื่องแนวโน้มตลาดการเงินและเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากมีข่าวการล้มละลายของสถาบันการเงินรายใหญ่"
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐ ประกาศแผนกู้วิกฤติการเงินด้วยการทุ่มงบประมาณหลายแสนล้านดอลลาร์เข้าซื้อหนี้เสียของสถาบันการเงินและเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาด ซึ่งบุชระบุว่าเป็นมาตรการที่ไม่เคยใช้มาก่อน
"เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญความท้าทายอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน รัฐบาลจึงจำเป็นต้องออกมาตรการต่างๆ และจะผ่านกฎหมายดังกล่าวโดยเร็วที่สุดเพื่อหวังฟื้นฟูความเชื่อมั่นและคลี่คลายสถานการณ์ในระบบการเงิน รวมถึงบรรเทาความตื่นตระหนกของผู้บริโภคและธุรกิจขนาดเล็กเพื่อยุติวิกฤติการเงินที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายทศวรรษ" บุชกล่าว ซึ่งนับเป็นครั้งที่สามในสัปดาห์นี้ที่บุชได้ออกมากล่าวถึงวิกฤตการเงิน
นอกจากนี้ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สหรัฐ ออกมาตรการห้ามการทำช็อตเซลล์ในหุ้นของแบงก์และสถาบันการเงินต่างๆ รวม 799 แห่งเป็นการชั่วคราว เพื่อ "ปกป้องความสุจริตและคุณภาพของตลาดหลักทรัพย์ และเพิ่มความเชื่อมั่นของนักลงทุน"
ทั้งนี้ การห้ามทำช็อตเซลล์ถือเป็นมาตรการฉุกเฉิน ซึ่งก.ล.ต.สหรัฐระบุว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสถานการณ์ในขณะนี้ เพราะกลุ่มนักเก็งกำไรได้อาศัยการทำช็อตเซลล์เข้าโจมตีสถาบันการเงินที่ประสบปัญหา อาทิ เลห์แมน บราเธอร์ จนทำให้ราคาหุ้นสถาบันการเงินเหล่านี้ทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ คาดว่านักลงทุนจะจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันอังคาร ABC News จะเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ก.ย. ส่วนในวันพุธสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค.
วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.และรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค. ขณะที่กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนชาวอเมริกันที่ขอเข้ารับสวัสดิการระหว่างว่างงาน
วันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขั้นสุดท้ายประจำไตรมาส 2 และมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนก.ย. สำนักข่าวเอพีรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--