นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนภายใต้การจัดการทั้งหมดของบริษัทฯ ไม่ได้ลงทุนในตราสารหรือหลักทรัพย์ที่มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินต่างประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ด้านการเงินดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งบริษัทฯ ได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้ลงทุนทราบ เพื่อคลายความกังวลในเรื่องดังกล่าวแล้ว
“ในด้านพอร์ตการลงทุนของบริษัทฯ จะค่อนข้างเข้มงวดในการเลือกตราสารหรือบริษัทที่จะเข้าลงทุน จากการมีคณะกรรมการการลงทุนเป็นผู้พิจารณาตราสารแต่ละตัวก่อนการอนุมัติให้ลงทุนได้ ซึ่งเป็นนโยบายการบริหารกองทุนแบบอนุรักษ์นิยมตั้งแต่เริ่มจัดตั้งบริษัท โดยมีการพิจารณาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้สามารถปรับพอร์ตการลงทุนได้ทันกับแนวโน้มการลงทุนแต่ละขณะ" นางลดาวรรณ กล่าว
พอร์ตการลงทุนของบริษัทปัจจุบันนั้น การลงทุนของตราสารหนี้ได้ปรับการลงทุนโดยให้น้ำหนักกับตราสารความเสี่ยงต่ำมากขึ้น และลดการลงทุนในตราสารที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงิน เพื่อรอดูความชัดเจน รวมถึงทยอยเข้าลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยเน้นในหุ้นที่มีการปรับลดลงของราคาสวนทางกับปัจจัยพื้นฐานที่มี Active Return จากการอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นสูง
สำหรับตลาดหุ้นไทย นางลดาวรรณ มีความเห็นว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หลายบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งเพียงพอในการต้านทานกับความผันผวนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงนี้ เช่น การมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E Ratio)ต่ำมาก สะท้อนให้เห็นว่าไม่มีการลงทุนเกินกว่าความสามารถ ซึ่งถือเป็นสัญญานที่ดีว่าบริษัทจดทะเบียนไทยมีการปรับตัวในภาคการบริหารการดำเนินงานดีกว่าในอดีตที่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงิน คาดว่าหากปัจจัยลบต่าง ๆ คลี่คลายลงบริษัทเหล่านี้จะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
"ในระยะสั้นผู้ลงทุนควรหลีกเลี่ยงการเก็งกำไร โดยเน้นลงทุนระยะยาวในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ซึ่งมองว่าตลาดหุ้นไทยในระดับ P/E ปัจจุบันที่ 8 เท่าอยู่ในระดับที่สามารถรับปัจจัยลบต่าง ๆ ทั้งความวิตกกังวลของสถาบันการเงินต่างประเทศ และปัจจัยทางการเมืองในขณะนี้ได้ แต่สำหรับผู้ลงทุนที่มีกังวลในความผันผวนระยะสั้น ๆ ในช่วงนี้ ควรเน้นการถือครองเงินสดหรือลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล อายุสั้น ๆ เพื่อรอดูทิศทางที่ชัดเจนอีกครั้ง"นางลดาวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อให้รับกับสถานการณ์ในช่วงนี้ บริษัทจะเสนอขายกองทุนพันธบัตรรัฐบาลไทย อายุประมาณ 6 เดือน ได้แก่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัสพันธบัตรรัฐบาล 1 (Asset Plus Active Government Bond Fund 1 : ASP-ACGOV1) ซึ่งจะเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 24-30 กันยายน 2551 และรอบการลงทุนใหม่ของกองทุนเปิดแอสเซทพลัสพรีเมี่ยม 6M3 (Asset Plus Premium 6M3 Fund : ASP-P6M3) ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ โดยในรอบการลงทุนใหม่ วันที่ 26 กันยายน 2551 จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกาหลีใต้อายุประมาณ 6 เดือนและป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
คาดว่าจากผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยที่คาดว่าจะลงทุนหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.30% จะสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 3.50% สำหรับกองทุน ASP-ACGOV1 และ 4.00% เป็นอย่างน้อย สำหรับกองทุน ASP-P6M3
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--