บมจ.ราชบุรีโฮลดิ้ง(RATCH) กำหนดแผนงานระยะ 10 ปี(52-61) ใช้เงินลงทุนกว่า 8 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าภายในปี 59 จะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเท่าตัวเป็น 8.8 พันเมกะวัตต์ โดยเน้นขยายธุรกิจในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 50% และในประเทศ 50% จากเดิมแผน 5 ปีสัดส่วนอยู่ที่ 30:70 แม้ว่าขณะนี้โครงการต่าง ๆ จะมีความล่าช้าไปบ้าง แต่ก็โดยภาพรวมระยะยาวน่าจะเดินหน้าต่อไปได้
นายณรงค์ สีตสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ RATCH กล่าวว่า บริษัทได้ปรับปรุงเผนธุรกิจจาก 5 ปีเป็น 10 ปี (ปี 52-61) มีงบลงทุนมากกว่า 8 หมื่นล้านบาท สำหรับลงทุนโรงไฟฟ้าในและต่างประเทศ และมีเป้าหมายการผลิตไฟฟ้าจำนวน 8.8 พันเมกะวัตต์ภายในปี 59 จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 4.3 พันเมกะวัตต์
ขณะนี้แผนงานของ RATCH มุ่งเป้าลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ สปป.ลาว, กัมพูชา, พม่า , อินโดนีเซีย และ เวียดนาม โดยหากการเจรจาเป็นไปตามแผนก็จะทำให้ภายในปี 59 บริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 50% สูงกว่าแผนเดิมที่กำหนดเพิ่มเป็น 30%
เงินลงทุนตามแผนงานระยะยาว คาดว่าจะใช้จากกระแสเงินสดที่มีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ยและค่าเสื่อม(EBITDA)ปีละ 1.1-1.2 หมื่นล้านบาท ที่เหลือจะเป็นเงินกู้จากสถาบันการเงิน ส่วนการออกหุ้นกู้ คงจะเลื่อนจากแผนไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า ตามโครงการโรงไฟฟ้าที่ล่าช้า โดยขณะนี้บริษัทมีวงเงินหุ้นกู้ที่ขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นไว้ 7.5 พันล้านบาท
ส่วนโครงการที่ล่าช้าและอยู่ระหว่างการทบทวน เอ็มโอยู ได้แก่ โครงการหงสา และ โครงการน้ำงึม 3 โดยบริษัทยังหวังว่า โครงการหงสาจะได้ข้อสรุปเอ็มโอยูได้ทันภายในปีนี้ เพื่อให้การก่อสร้างโครงการนี้เป็นไปตามแผนที่จะต้องแล้วเสร็จในปี 56 ส่วนโครงการน้ำงึม 3 ได้ปรับระยะเวลาออกไปให้แล้วเสร็จเป็นปี 57 จากเดิมปี 56
"ยอมรับว่า 1-2 ปีข้างหน้า จะยังไม่มีโครงการใหม่ๆเข้ามา โครงการที่จะแล้วเสร็จเร็วที่สุดคือ น้ำงึม 2 ที่จะเสร็จปลายปี 52 และผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนม.ค.53 แต่ 1-2 ปี บริษัทก็ยังคงมีอัตรากำไรเติบโต เพราะบริษัทจะรับรู้รายได้จากบริษัท ราชบุรี เพาเวอร์ ซึ่งจะมีช่วงพีคหลังเพิ่งเริ่มผลิตกำลังการผลิตเต็มที่ในเดือนมิถุนายน 51" นายณรงค์ กล่าว
นายณรงค์ กล่าวว่า บริษัทอาจจะมีโอกาสเข้าลงทุนโครงการท่าซาง ในประเทศพม่า เนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)ได้สิทธิในการบริหารโครงการ หลังจาก บมจ.เอ็ม ดี เอ็กซ์ (MDX)ยกเลิกการดำเนินโครงการนี้ไป ทั้งนี้ โครงการนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่มีกำลังการผลิตถึง 7,000 เมกะวัตต์ มูลค่าเงินลงทุนอย่างน้อยประมาณ 3 แสนล้านบาท ดังนั้น กฟผ.จำเป็๋นต้องหาผู้ร่วมทุน แต่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะได้ข้อสรุปเมื่อไร
ส่วนโครงการเซเปียนเซน้ำน้อย ได้ยื่นเสนอค่าไฟฟ้าต่อ กฟผ.ไปเรียบร้อยแล้ว ขณะที่โครงการน้ำบากอยู่ระหว่างการสรุปผลเพื่อเสนอราคาค่าไฟฟ้าต่อไป
นายณรงค์ ยังกล่าวว่า บริษัทยังมีการเจรจากับผู้ประมูลโรงไฟฟ้า ไอพีพี ที่ผ่านเข้าไปรอบแรกได้ เพื่อขอเข้าถือหุ้นโรงไฟฟ้า โดยคาดว่าบริษัทอาจได้สิทธิเข้าร่วมทุนไม่ถึง 50%
*ปี 51 ปันผลได้สูงก่อน/ปี 52 กำไรดีกว่าปีก่อน
นายณรงค์ กล่าวว่า เป้าหมายกำไรสุทธิในปีนี้ ยังคงคาดว่าเติบโต 10% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.8 พันล้านบาท และ คาดว่าในปีนี้บริษัทจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้มากกว่าปีก่อนที่จ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 2.10 บาท โดยในช่วงครึ่งแรกปี 51 บริษัทได้จ่ายปันผลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 1.10 บาท
และคาดว่าปี 52 แนวโน้มกำไรของบริษัทจะดีกว่าปี 51 หลังจากที่บริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการราชบุรี เพาเวอร์ เต็มปี โดยประมาณการกำไรที่จะบันทึกในปี 52 จำนวน 700-800 ล้านบาท จากปี 51 ที่จะบันทึกประมาณ 400-500 ล้านบาท แต่ก็ขึ้นกับอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากบริษัท ราชบุรี เพาเวอร์ ยังมีหนี้สินสกุลดอลลาร์สหรัฐจำนวน 480 ล้านเหรียญสหรัฐที่อาจได้รับผลกระทบหากบาทอ่อน
นายณรงค์ กล่าวว่า บริษัทไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน เพราะเห็นว่าราคาหุ้นปรับตามภาวะตลาดโดยรวม และการเสนอแผนซื้อหุ้นคืนมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และมีระยะเวลากำหนดจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ว่าจะต้องขายคืนในลลาดช่วงใด ซึ่งบริษัทเกรงว่าหากช่วงนั้นภาวะตลาดไม่ดี ก็จะกลายเป็นความเสี่ยงต่อบริษัทเช่นเดียวกัน
ที่ผ่านมา บริษัทได้ปิดสมุดทะเบียนเมื่อ 2 ก.ย. 51 พบว่า มีนักลงทุนต่างชาติถือหุ้น RATCH เพิ่มเป็น 210 ล้านหุ้น 14.5% จากเดิม 209 ล้านหุ้น ฉะนั้นจึงเห็นว่าไม่มีแรงเทขายหุ้น RATCH จากนักลทุนต่างชาติอย่างผิดปกติ และจากการตรวจสอบก็พบว่านักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาถือหุ้น RATCH ไม่มีปัญหาสถานะการเงิน ส่วนใหญ่เป็นกองทุนบำเหน็ญบำนาญของต่างชาติ
ราคาหุ้น RATCH ขณะนี้เคลื่อนไหวที่ 34.75 บาท บวก 0.25 บาท (+0.72%) ตามภาวะตลาดที่ปรับตัวขึ้น โดยเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ทีผ่านมาราคาลงไปต่ำสุดที่ 34 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดในรอบ 2 ปี
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--