นายมาริษ ท่าราบ กรรมการผู้จัดการ บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย)กล่าวว่า ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับพอร์ตการลงทุนโดยหันมาถือเงินสดเพิ่มเป็น 10-15% จากเดิม 5-8% โดยลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นลงในระยะนี้ หลังจากเกิดปัญหาวิกฤติเลห์แมนฯและเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งและอาจจะกังวลว่าจะส่งผลกระทบ
สำหรัยบพอร์ตในส่วนที่เหลือซึ่งเป็นการลงทุนในหุ้นนั้น ก็ได้มีการปรับน้ำหนักด้วยการลดการลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์และพลังงานลงในระยะนี้ด้วย
ทั้งนี้ จากผลกระทบดังกล่าวทำให้บริษัทต้องชะลอแผนการในการออกกองทุน FIF ที่เกี่ยวกับน้ำมันออกไปจากเดิมที่วางแผนไว้ในเดือนนี้ ซึ่งการออกกองทุนดังกล่าวอาจจะเป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนก็ได้ เพราะมองว่าความต้องการอุปโภคบริโภคยังเติบโตได้ โดยเฉพาะความต้องการของจีนที่เศรษฐกิจยังโต 7-8%
นอกจากนี้ บริษัทก็จะมองหาโอกาสการลงทุนในรูปแบบใหม่ๆ ด้วย รวมถึงการเข้าไปซื้อสินทรัพย์อสังหหาริมทรัพย์ที่ทางเลห์แมนฯ ได้ลงทุนไว้ในประเทศไทย
"ประเมินดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้ที่ 700 จุด แต่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในสหรัฐที่จะต้องดีขึ้นถึงแม้จะยากหน่อย โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าจากวิกฤตที่เกิดขึ้นทำให้สหรัฐต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง"นายมาริษ กล่าว
ในปีนี้บริษัทคาดว่า AUM จะเกินป้าหมายที่วางไว้ 2.2 แสนล่านบาท จากปีก่อน 1.8 แสนล้านบาท เพราะเชื่อว่าจะสามารถสรุปดีลกองทุนอสังหาฯที่จะเข้าไปบริหารโรงแรมขนาด 10,000 กว่าล้านบาท และยังมีเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ 2,000 กว่าล้านบาท รวมถึงพอร์ตกองทุนรวมก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเชื่อว่าในปีนี้จะเห็น 5.3-5.5 หมื่นล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/จำเนียร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--