ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: วิตกภาคการเงินสหรัฐ ถ่วงฟุตซี่ปิดลบ 40.6 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 25, 2008 08:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) หลังจากเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนว่า สหรัฐซึ่งมีระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำลังเผชิญปัญหาในภาคการเงิน โดยเมื่อคืนนี้หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงหนักสุด โดยเฉพาะหุ้นแองโกล อเมริกัน และหุ้นเวแดนตา รีซอสเซส
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดลดลง 40.6 จุด แตะที่ 5,095.6 จุด
จิมมี ยาเตส นักวิเคราะห์จาก CMC Markets กล่าวว่า นักลงทุนวิตกกังวลเมื่อประธานเฟดระบุว่า ภาคการเงินของสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยง เนื่องจากวิกฤตการณ์ด้านสินเชื่อที่เริ่มส่งผลกระทบอย่างหนักต่อตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและภาคเอกชน
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ดิ่งลงอย่างหนัก โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองแร่รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก ดิ่งลง 6% หุ้นเวแดนตา รีซอสเซส ซึ่งเป็นผู้ผลิตโลหะทองแดงรายใหญ่สุดของอินเดีย ดิ่งลง 6.8% หลังจากราคาโลหะนิกเกิล ทองแดง และตะกั่ว ในตลาดลอนดอนร่วงลง
หุ้นบริติช เอ็นเนอร์จีพุ่งขึ้น 5.7% หลังจากมีรายงานว่า บริษัทไฟฟ้าฝรั่งเศส (Electricite de France SA) หรือ EDF ซึ่งเป็นผู้ผลิตด้านเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์รายใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีรัฐบาลถือหุ้นในสัดส่วน 85% ตกลงซื้อกิจการบริติช เอ็นเนอร์จี มูลค่า 1.25 หมื่นล้านปอนด์ (2.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)
EDF ระบุในแถลงการณ์ว่า บริษัทจะจ่ายเงิน 774 เพนซ์ต่อหุ้นให้กับ East Kilbride โรงงานไฟฟ้าในสก็อตแลนด์ ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าราคาปิดของหุ้นในตลาดเมื่อวันที่ 14 มี.ค.ถึง 35% ก่อนที่บริติช เอ็นเนอร์จีเปิดเผยว่าอาจรับข้อเสนอดังกล่าว ขณะที่ Centrica Plc ผู้จัดหาพลังงานรายใหญ่ที่สุดในอังกฤษกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อซื้อหุ้น 25% ในบริษัทบริติช เอ็นเนอร์จีด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ บริษัทไฟฟ้าสัญชาติฝรั่งเศสจะดูแลการดำเนินงานของโรงงานนิวเคลียร์ทั้ง 8 แห่งในอังกฤษซึ่งมีแผนที่จะตั้งเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อีก 4 เครื่อง โดยการซื้อกิจการของ EDF มีขึ้นหลังจากที่นายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ ของอังกฤษกำลังหาทางลงทุนในธุรกิจด้านนิวเคลียร์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ