นายพิชัย ชุณหวชิร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บมจ.ปตท.(PTT)กล่าวว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ต่อประชาชนทั่วไปและสถาบันการเงินภายในประเทศเป็นวงเงินประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ในช่วงไตรมาส 4/51นี้ โดยจะออกหุ้นกู้อายุ 5-15 ปี เพื่อชำระคืนหนี้ที่ครบอายุ(Refinance)และใช้ลงทุน หลังประเมินสถานการณ์หลังภาวะเศรษฐกิจสหรัฐประสบภาวะวิกฤตนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ส่งผลให้ต้นทุนการออกหุ้นกู้ในต่างประเทศสูง
บริษัทคาดว่าหุ้นกู้ของ PTT จะได้รับความสนใจจากตลาดเป็นอย่างมาก เนื่องจากสภาพคล่องภายในประเทศยังสูง โดยในกลุ่ม PTT ได้มีการศึกษาและวางแผนจัดลำดับกันแล้วว่าบริษัทใดจะออกหุ้นกู้ก่อนหลังเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสภาพคล่องในตลาด
“เดิม ปตท.มีแผนการออกหุ้นกู้ปีละกว่า 1 หมื่นล้านบาทตามแผนการลงทุนและรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ที่ครบอายุในแผน 5 ปี หลังภาวะเศรษฐกิจโลกวิกฤตแต่การลงทุนของกลุ่มปตท.ยังคงเดินหน้าต่อหลังประเมินสถานการณ์ในประเทศแล้วและเพื่อให้ทันกับความต้องการใช้เงินของบริษัทจึงจะหันมาขายในประเทศเท่าที่จำเป็นต้องใช้ออก 1 หมื่นล้านบาทก่อน และมียังมีบริษัทอื่นในกลุ่มที่เตรียมทยอยกันออกมา อาทิ PTTAR ซึ่งในกลุ่มได้พูดคุยและจัดลำดับกันไว้แล้ว "นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวว่า บริษัทยังมีแผนขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อกระจายความเสี่ยง โดยเฉพาะในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มีการศึกษาการลงทุนในเวียดนามของกล่ม ปตท.เพื่อกระจายความเสี่ยง ทั้งธุรกิจพลังงานต้นน้ำและกลางน้ำที่ยังคงมีโอกาสเติบโตสูงในทิศทางเดียวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและจำนวนประชากร และขณะนี้ บมจ.ปตท.สผ.(PTTEP)ได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจต้นน้ำบ้างแล้ว นอกจากนั้นบริษัทยังงมองการลงทุนในอินโดนีเซียด้วย
ด้านความคืบหน้าของแผนซื้อหุ้นคืนนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปโดยเบื้องต้นประเมินว่าวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกาอาจจะยังไม่สิ้นสุด ดังนั้น การซื้อหุ้นคืนในขณะนี้จะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์จึงต้องรอดูจังหวะและจุดที่เหมาะสมก่อนการตัดสินใจ
นายพิชัย ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่ากระทรวงการคลังจะดึงกลุ่ม PTT และ บมจ.ไทยออยล์(TOP)ปรับโครงสร้างธุรกิจบมจ.เอสโซ่(ESSO)ว่า เป็นเรื่องยาก เนื่องจาก ESSO มีบริษัทแม่ในต่างประเทศ แต่มองว่าโอกาสที่จะดำเนินธุรกิจร่วมกันในแง่ Operation Synergy มีสูงมาก เพราะโรงกลั่นอยู่ติดกัน ดังนั้นการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและประหยัดต้นทุนการผลิตก็มีความความเป็นไปได้
“รั้วของโรงงานไทยออยล์กับเอสโซ่ติดกันเลย หากร่วมมือกันด้านสต็อกสินค้า สั่งสินค้า ขนส่งสินค้า หรือต่อท่อใต้ดินเชื่อมกันเพื่อเกิดประโยชน์ร่วมกันต้นทุนลดและยังเพิ่มกำไรให้ทั้งสองบริษัทเป็นเรื่องที่ดีและสามารถทำได้เหมือน SPRC และ RRC ที่เมื่อก่อนก็ทำแบบนี้เช่นเดียวกันเพราะโรงกลั่นติดกันเช่นเดียวกัน"นายพิชัย กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/ศศิธร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--