FORTH รับสภาพอัตรากำไรสุทธิปีนี้หดเหลือ 3.5%-หาธุรกิจใหม่เพิ่มรายได้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 25, 2008 11:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายอมร อึ้งสกุลปรีชา ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น(FORTH)ยอมรับว่า อัตรากำไรสุทธิในปีนี้คงจะปรับลดลงมาอยู่ที่ 3.5% เทียบกับปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยอยู่ที่ 5.42% เนื่องจากงานรับจ้างที่เป็นงานที่มีมาร์จิ้นสูงลูกค้าได้ชะลอการสั่งผลิตลดลง 20% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกที่ 100 ล้านบาท 
แม้จะมีงานผลิตแผงควบคุมฮาร์ดดิสก์ให้กับบริษัท เวสเติร์น ดิจิตอล จำกัด(WD) ยังไปได้ดี โดยในครึ่งปีหลังนี้มีคำสั่งซื้อมากขึ้นเป็นกว่า 3 พันล้านบาท จากครึ่งปีแรกที่สร้างรายได้แล้ว 2 พันล้านบาท หรือมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 1.8 ล้านชิ้นต่อเดือน สูงกว่าเป้าหมายการรับรู้รายได้จาก WD ที่ตั้งไว้ทั้งปีที่ 3.6 พันล้านบาท แต่งานที่ผลิตให้ WD ก็มีมาร์จิ้นไม่มากนัก
อย่างไรก็ดี รายได้จากงานของ WD ถือเป็นงานที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัท ส่งผลให้รายได้ในปีนี้น่าจะเป็นไปตามที่วางไว้ 7.3 พันล้านบาท เพราะมั่นใจว่าแนวโน้มของผลประกอบการในครึ่งปีหลังคงจะเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้นจากปี 50 ที่มีรายได้ 3,940.97 ล้านบาท
"เรายังมีงานทำเรื่อยๆ Backlog ที่มีอยู่ก็ทำไปพยายามส่งงานให้ทันเวลา แต่ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้นทำให้งานบริการเราลดลง เพราะส่วนใหญ่เป็นการสั่งผลิตเพื่อส่งออกทั้งนั้น และงานรับจ้างก็เป็นงานที่มีมาร์จิ้นสูง และงาน WD จะมีมากขึ้นที่เขาสั่งออเดอร์เป็น 1.8 ล้านชิ้นต่อเดือนก็ตาม แต่คงไม่สามารถทดแทนมาร์จิ้นที่ลดลงได้เท่าไหร่"นายอมร กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากมาร์จิ้นในปีนี้ที่ลดลงนั้น นายอมร กล่าวว่า บริษัทหันไปรับงานบมจ.ทีโอที(TOT)ซึ่งเป็นงานโครงข่ายตู้ชุมสายโทรศัพท์ คงจะช่วยเสริมมาร์จิ้นเข้ามาได้ โดยคาดว่าปีนี้จะรับรู้รายได้จากงาน TOT ประมาณ 1,230 ล้านบาท จากมูลค่าทั้งหมดที่ TOT เปิดประมูล 4 พันล้านบาทช่วงต้นปี และเชื่อว่าช่วงไตรมาส 4//51 จะมีงานออกมาอีก ซึ่งบริษัทก็จะเข้าไปประมูลตามปกติ
รวมทั้ง ในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะหันมาเน้นรับงานที่มีมาร์จิ้นสูง โดยการเปิดตัวตู้ขายตั๋วโดยสารอัตโนมัติในไตรมาส 3/51 เพื่อรองรับงานที่เกี่ยวข้องกับระบบขนส่งที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ และมั่นใจว่าจะได้รับความสนใจ
ขณะที่งานไฟจราจรที่บริษัทรับดำเนินการให้กับ กทม. อาจจะทำรายได้ที่ 510 ล้านบาท จากก่อนหน้าที่คาดว่าจะมีรายได้ 696 ล้านบาท เพราะทางกทม.ชะลอการทำสัญญาจากรอการเลือกตั้งครั้งใหม่ รวมทั้งกล้องวงจรปิดที่มีมูลค่า 400 ล้านบาทที่รับงานมาก็เลื่อนไปปลายปีจากเดิมในไตรมาส 3/51
นายอมร กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างมองหาธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม เพื่อขยายการดำเนินธุรกิจให้มีความหลากหลายมากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มช่องทางการหารายได้ด้วย เบื้องต้นอาจเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับราชการ รวมทั้ง หาธุรกิจที่เกี่ยวโยงในการใช้กับสินค้าที่บริษัทผลิต เช่น อุปกรณ์สแกนเนอร์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ