บมจ.คอมพาสส์ อีสต์ อินดัสตรี้(ประเทศไทย)(CEI)เจรจาพันธมิตรใหม่เพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์ประหยัดพลังงานและลดภาวะโลกร้อน หลังชะลอธุรกิจผลิตเครื่องชุบเคลือบผิวจากต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่แนวโน้มธุรกิจผลิตพัดลมมีมาร์จิ้นลดลงจากการแข่งขันสูง แต่ยังคาดว่ารายได้รวมในงวดปี 51 และ 52 ยังสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าและยังมีกำไร
แหล่งข่าวระดับสูงจาก CEI กล่าวเปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรเพื่อเริ่มต้นธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับอุปกรณ์ประหยัดพลังงานและลดภาวะโลกร้อน ซึ่งเบื้องต้นกำลังพิจารณาผลิตภัณฑ์หลายประเภท ทั้งหลอดประหยัดพลังงาน โซล่าร์เซลล์ เป็นต้น เนื่องจากมองว่าช่วงนี้มีกระแสลดโลกร้อน เพราะราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งพันธมิตรที่อยู่ระหว่างเจรจาก็ทำธุรกิจนี้อยู่แล้ว
"พันธมิตรอยู่ระหว่างเจรจากัน ตอนนี้ process เหลือไม่น่าเกิน 50% ในการเจรจา เป็นธุรกิจใหม่เลย ร่วมกับพันธมิตรที่อื่น ยังไม่เปิดเผยว่าเป็นในหรือต่างประเทศ ถ้าผลการเจรจาธุรกิจใหม่สิ้นสุดคงจะเห็นหน้าตาในเร็วๆนี้"แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าว กล่าวว่า แม้สถานการณ์ในช่วงที่ผ่านมาไม่เอื้อต่อภาวะการลงทุนโดยรวม แต่หลังจากที่ได้พิจารณามาระยะหนึ่งแล้ว ก็เชื่อว่าน่าจะมีความพร้อมเพียงพอ โดยมูลค่าการลงทุนค่อนข้างมากพอสมควร
"ที่คิดจะหันมาทำธุรกิจนี้ บริษัทมองว่าเป็นจังหวะของเศรษฐกิจด้วย ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยจะเวิร์คที่จะเริ่มอะไรใหม่ๆ"
ล่าสุด บริษัทตัดสินในชะลอธุรกิจผลิตเครื่องชุบเคลือบผิว(HORIZONTAL PLATING MACHINES) เพื่อใช้ในแผงวงจรอิเล็คโทรนิคสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป เนื่องจากยังไม่ได้รับคำตอบจากลูกค้าถึงผลการทดสอบและประมาณการณ์การสั่งซื้อหรือคำชี้แจงใดๆ ผู้บริหารจึงขอเวลาอีก 6 เดือนเพื่อรอคำสั่งซื้อจากลูกค้าก่อนตัดสินใจว่ายังจะลงทุนในธุรกิจนี้ต่อไปหรือไม่
"ธุรกิจชุบเคลือบผิวยังไม่ได้เริ่มทำเลย ตอนนี้ก็ชะลอไปเลย เพราะลูกค้าก็ยังไม่ได้ส่งออเดอร์ให้เรา เมื่อคำนวณเรื่องต้นทุนก็เพิ่มขึ้นมาเยอะ และจากราคาที่เราแจ้งลูกค้าไปก็ไม่คุ้มจึงหยุดไปก่อน"แหล่งข่าว กล่าว
*ผลิตพัดลมแนวโน้มมาร์จิ้นลดจากต้นทุนสูง-แข่งขันรุนแรง หนีไม่พ้นปรับขึ้นราคา
แหล่งข่าว กล่าวว่า ธุรกิจหลักเดิม คือ ผลิตพัดลมติดเพดานตลอดจนอุปกรณ์ส่วนควบ และเครื่องตกแต่งที่ใช้กับพัดลมผลิต มีแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ลดลง เนื่องจากต้นทุนเพิ่มขึ้นและการแข่งขันในตลาดรุนแรง โดยคาดว่าในงวดปี 51 สิ้นสุด ก.ค.51 มาร์จิ้นลดลงเหลือ 15% จากที่เคยอยู่ในระดับ 20% และในงวดปี 52 สิ้นสุด ก.ค.52 มาร์จิ้นอาจไม่ถึง 15%
ทั้งนี้ ปัญหาต้นทุนที่บริษัทต้องเผชิญนั้นมีมาตั้งแต่เมื่อครั้งลูกค้ารายใหญ่ในประเทศจีนยกเลิกว่าจ้างผลิตแล้ว โดยราคาวัตถุดิบปรับขึ้นมาแต่บริษัทปรับขึ้นราคาขายไม่ได้ เพราะการแข่งขันสูงมาก แม้ว่าคำสั่งซื้อพัดลมในมือขณะนี้มีมากพอสมควร แต่มีปัญหาการแข่งขันด้านราคา เนื่องจากมีผู้ผลิตในตลาดมากขึ้น ซึ่งในที่สุดแล้วบริษัทก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องปรับขึ้นราคา
"(ธุรกิจพัดลม)เป็นตลาดใต้ดินที่ไม่ใช่ตลาดบนดิน ประเมินยากเพราะไม่รู้มูลค่าเท่าไร แต่ดูจากตัวเลขเรา loss ลงไปเยอะ ปี 52 ออร์เดอร์ในมือก็จะประมาณ 70 ล้านบาท ตอนนี้เล็งที่จะปรับราคาขายด้วยเพราะต้นทุนเพิ่มขึ้น กำลังศึกษาเพราะต้องดูตลาด ดูลูกค้าเพราะมีกระแสทางคู่แข่งดั๊มพ์ราคามาทำให้เราพอจะปรับก็ไปไม่ได้ จะปรับกี่เปอร์เซนต์ ยังไม่ทราบ"แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าว คาดว่า ยอดขายพัดลมงวดปี 52 น่าจะทรงๆ ประมาณ 70 ล้านบาทเท่างวดปี 51 โดยลูกค้ารายใหญ่เป็นบริษัท คอบิเนต จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนให้ CEI ประมาณ 90% ของยอดขาย โดยจำหน่ายในประเทศส่วนใหญ่
*รายได้รวมงวดปี 52 โตต่อจากงวดปี 51 และยังมีกำไร
แหล่งข่าว กล่าวว่า รายได้หลักในงวดปี 51 ยังมาจากธุรกิจผลิตพัดลมและค่าเช่า-บริการ ส่วนงวดปี 52 รายได้อื่นๆ ไม่น่าจะต่ำกว่างวดปี 51 ส่วนกำไรงวดปี 52 จะมาจากการบริหารทรัพย์สิน คือ การขายทรัพย์สินที่ไม่ใช้งาน และการให้เช่าทรัพย์สิน ซึ่งเป็นส่วนที่สร้างกำไรให้กับบริษัทค่อนข้างมากในงวดปี 51 และในงวดปี 52 ก็ยังมีส่วนนี้อยู่เพราะ Contact มีระยะเวลา 1-2 ปี
จากการบริหารสินทรัพย์ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นมา โดยงวดปี 51 ส่วนผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นมาประมาณ 50 ล้านบาท จากงวดปี 50 งบการเงินเฉพาะกิจการของ CEI อยู่ที่ 698 ล้านบาท งวดปี 51 อยู่ที่ 740 ล้านบาท และงวดปี 52 หากมีกำไรติดต่อกันก็จะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นปรับเพิ่มขึ้นไปอีกแน่นอน
"ทิศทางบริษัทจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้นตอนนี้ต้องรอก่อนเพราะถ้ามองด้วยตัวบริษัทเอง คิดว่าเศรษฐกิจอย่างนี้ไม่พร้อมที่จะทำ ช่วงนี้ก็ถือว่าดีแล้วเพราะยังมีรายได้จากการเช่าค่าบริการเข้ามาที่ช่วยเหลือค่าใช่จ่ายบริษัท ทำให้บริษัทไม่เป็นผลขาดทุน"แหล่งข่าว กล่าว
บริษัทคาดว่างวดปี 52 ยังน่าจะมีกำไร เพราะรายได้จากค่าเช่าก็ยังเข้ามาช่วยในส่วนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายคงที่ เพราะฉะนั้นต้นทุนก็จะมีแต่ธุรกิจพัดลมที่นำเข้ามาขายในแต่ละเดือน อย่างไรก็ตาม เป้ายอดขายปี 52 จะเพิ่มขึ้นหรือไม่ยังไม่ได้ประชุมกับตัวแทนถึงแผนปีหน้า หรือการมองตลาดว่าจะเพิ่มขึ้นเท่าไร
อนึ่ง ปี 51 กำไรสุทธิที่ลดลงมาจากรายได้จากการขายหลักลดลงจากปีที่แล้วรายได้จากการขายพัดลม 90 กว่าล้านบาท แต่งวดปี 51 ลดเหลือ 66 กว่าล้านบาท ถ้ารวมรายได้จากค่าเช่า บวกยอดขายพัดลมปีนี้รายได้รวมประมาณ 100 กว่าล้านบาท และกำไรจากขายทรัพย์สิน 27 ล้านบาท และรายได้ดำเนินการอื่นๆ 45 ล้านบาท
ส่วนบริษัทย่อยในจีนตอนนี้ทรงๆ เพิ่มปริมาณขาย แต่กำไรไม่เพิ่ม เพราะภาวะต้นทุนสูงขึ้นค่อนข้างมาก ส่งผลให้ตัวเลขกำไรก็ยังทรงๆ ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามยอดขาย เพราะต้นทุนราคาน้ำมัน เหล็ก และ ทองแดง ก็ปรับขึ้นทั้งหมด
ในงวดปี 51 บริษัทรับรู้ผลขาดทุนจากบริษัทย่อยในจีน ซึ่งเป็นโรงงานผลิตพัดลม ประมาณ 2 ล้านบาท เพราะมีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ส่วนจะทำอย่างไรต่อไปนั้น ขณะนี้มองว่ายังทรงๆ เพราะสถานการณ์ยังต้องรอดูต่อไป เพราะราคาน้ำมันเริ่มลดลง ด้านต้นทุนก็น่าจะดีขึ้น
*ไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน แม้มีเงินในมือ หลังราคาต่ำกว่า BV
แหล่งข่าว กล่าวว่า ราคาหุ้น CEI ช่วงนี้ทรงๆ ถึงแม้จะต่ำกว่า BV ที่อยู่ในระดับ 4 บาท/หุ้น แต่บริษัทยังไม่มีแผนที่จะพิจารณาซื้อหุ้นคืนในขณะนี้ ถึงแม้จะมีเงินในมือ เพราะบริษัทไม่ได้การทำรายได้ในรูปแบบดังกล่าว
ล่าสุด ราคาหุ้น CEI ปิดตลาดเช้าอยู่ที่ 2.44 บาท
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--