นายสุริยน พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (MJD) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจว่ารายได้ทั้งปี
จะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ โดยเติบโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,198.65 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกของปีนี้ MJD ทำรายได้แล้ว จำนวน 1,298.49 ล้านบาท และขณะนี้บริษัทฯ มียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ และปีหน้า
ขณะเดียวกันคาดว่า ยอดรับรู้รายได้ในไตรมาส 3/51 จะใกล้เคียงกับไตรมาส 2 ปี 2551 เนื่องจากมีการโอนโครงการ วอเตอร์มาร์ค เจ้าพระยาริเวอร์ ทาวเวอร์ เอ และ ทาวเวอร์ บี รวมถึง โครงการแมนฮัตตัน ชิดลม
สำหรับกรณีที่ บริษัทเลห์แมน บราเธอร์ส วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ประสบภาวะล้มละลาย และมีความเป็นไปได้ที่จะทยอยเรียกเงินลงทุนจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยที่เข้ามาลงทุนก่อนหน้านี้ กลับคืนไปช่วยเหลือบริษัทแม่ในสหรัฐอเมริกานั้น เชื่อว่า กรณีดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือหากจะกระทบก็คงเป็นเพียงระยะสั้น เนื่องจากวิกฤติในครั้งนี้ เป็นผลกระทบมาจากปัญหาวิกฤติสินเชื่อด้อยคุณภาพ (ซับไพร์ม) ในสหรัฐฯ ไม่ได้มาจากปัญหาในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ในไทย ประกอบกับกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ยังคงมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
“เชื่อว่า จากกรณีดังกล่าว จะไม่กระทบต่อธุรกิจอสังหาฯ ของไทย แม้ว่าจะมีการถอนเงินลงทุนคืน แต่ก็ไม่ได้มาก ขณะเดียวกันธุรกิจอสังหาฯของไทยยังคงได้รับประโยชน์จากการที่ภาครัฐลดภาษีธุรกิจเฉพาะและภาษีการโอน รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่แนวโน้มทรงตัว หลังจากเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงตามทิศทางราคาน้ำมัน ซึ่งทั้งสองปัจจัยน่าจะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนสนใจที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์มากขึ้น" นายสุริยน กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของ MJD ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของภาวะวิกฤติการเงินสหรัฐฯ รวมถึงการที่ บริษัท เอไอจี โกลบอล เรียลเอสเตท อินเวสต์เม้นต์ (AIG) ที่อเมริกาประสบปัญหาทางด้านการเงินนั้น ก็ไม่มีผลกระทบกับการลงทุนในคอนโดมิเนียม โครงการ ร๊อยซ์ ไพรเวท เรซิเดนชิซ สุขุมวิท 31 ที่มีมูลค่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่าง MJD กับ AIG อย่างแน่นอน เนื่องจากโครงการดังกล่าว AIG ได้ลงทุนเงินครบถ้วนแล้ว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MJD กล่าวอีกว่า บริษัทฯ มั่นใจว่าโครงการดังกล่าวจะทำได้ตามแผนที่วางไว้ ไม่มีปัญหาเรื่องเงินทุน เพราะ AIG ลงทุนมาเกือบครบแล้ว นอกจากนี้ ยังได้รับการอนุมัติวงเงินกู้แล้วจากธนาคารทิสโก้ จำนวน 1,000 ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว ในปัจจุบันอยู่ระหว่างการทำเสาเข็ม ดำเนินงานโดยบริษัท ซีฟโก้ ทั้งนี้ ขอให้ผู้ถือหุ้นมั่นใจ และคลายความกังวัล ในการดำเนินงานของบริษัทฯ เนื่องจาก MJD มีความระมัดระวังในการลงทุน และควบคุมการใช้จ่ายต่างๆ มากขึ้น
นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และปัจจัยทางการเมือง ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับยอดขายของบริษัทฯ เพราะโครงการของ MJD เป็นสินค้าระดับไฮเอนด์ ซึ่งมุ่งขายให้กับลูกค้าที่มีกำลังซื้อมาก เนื่องจากทุกโครงการของบริษัทฯ ตั้งอยู่ในทำเลที่ดี และมีความโดดเด่นเฉพาะตัวในการออกแบบ ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ ซึ่งจะเห็นได้จากยอดขายในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ก็เป็นที่พอใจ มีลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศจองซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--