ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ก.ย.) หลังจากมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐตกลงร่วมกันในหลักการที่จะผลักดันให้แผนฟื้นฟูภาคการเงินผ่านมติสภาคองเกรส ซึ่งข่าวดังกล่าวกระตุ้นให้นักลงทุนส่งคำสั่งซื้อเข้าตลาดอย่างคับคั่ง และช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ดีดขึ้นเกือบ 200 จุด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 196.89 จุด หรือ 1.82% แตะที่ 11,022.06 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 23.31 จุด หรือ 1.97% แตะที่ 1,209.18 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 30.89 จุด หรือ 1.43% แตะที่ 2,186.57 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.21 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ 1.88 พันล้านหุ้น
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กคึกคักขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐเห็นชอบร่วมกันว่าจะสนับสนุนแผนการฟื้นฟูภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ และคาดว่าแผนการดังกล่าวจะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส อย่างไรก็ตาม ยังคงมีสมาชิกสภาคองเกรสบางคนที่แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยต่อแผนฟื้นฟู ซึ่งรวมถึงวุฒิสมาชิกริชาร์ด เชลบี หนึ่งในคณะกรรมาธิการด้านการธนาคาร
เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และ เฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐ แถลงสภาคองเกรสให้เร่งผ่านร่างแผนการช่วยเหลือสถาบันการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ โดยเบอร์นันเก้เตือนว่า ความล่าช้าในการอนุมัตแผนการดังกล่าวจะยิ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่อภาคการเงินและภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
"สหรัฐกำลังเผชิญ 'ภัยคุกคามเศรษฐกิจที่เข้าขั้นรุนแรง' ซึ่งจะบั่นทอนเสถียรภาพทางการเงิน วิกฤตการณ์สินเชื่อเริ่มส่งผลกระทบอย่างหนักต่อตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและภาคเอกชน ขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงในวงกว้าง และเสถียรภาพในระบบการเงินของสหรัฐกำลังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง" เบอร์นันเก้กล่าว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่เบอร์นันเก้แสดงความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐเผชิญวิกฤตการณ์รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานเฟดในปีพ.ศ.2549
ขณะที่ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช เตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยในระยะยาว หากสภาคองเกรสไม่เร่งผ่านนโยบายกู้วิกฤตการเงินมูลค่ากว่า 7 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ หลายธุรกิจอาจต้องล่มสลายและจะทำให้มีผู้ตกงานเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเขาพร้อมรับข้อเสนอจากทั้งพรรครีพับลีกันและเดโมแครทเพื่อให้นโยบายดังกล่าวผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค.ร่วงลง 11.5% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 17 ปีที่ 460,000 ยูนิต ขณะที่จำนวนชาวอเมริกันที่ขอเข้ารับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ที่แล้วพุ่งขึ้น 32,000 ราย แตะระดับ 493,000 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจหลายแห่งในรัฐหลุยเซียนาและเท็กซัสที่ได้รับความเสียหายจากพายุเฮอริเคนไอค์และเฮอริเคนกุสตาฟ
หุ้นกลุ่มธนาคารนำตลาดดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกาพุ่งขึ้น 4% และ หุ้นเจพีมอร์แกนพุ่งขึ้น 7.3% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้น 2.6%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--