MPIC มั่นใจผถห.ผ่านแผนเพิ่มทุนซื้อหุ้นบ.ย่อย MAJOR เหตุตั้งราคาจูงใจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 26, 2008 17:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ประธานกรรมการ บมจ.เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (MPIC) กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าการขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ถือหุ้น และคาดว่าจะขายหมดทั้งจำนวน เนื่องจากบริษัทได้ปรับราคาใช้สิทธิลดลงเหลือ 2.25 บาทต่อหุ้น จากเดิม 2.75 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมและใกล้เคียงกับราคาในปัจจุบัน 
"คราวที่แล้วที่ประชุมผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติให้เพิ่มทุน เนื่องจากผู้ถือหุ้นยังไม่เข้าใจถึงหลักการเพิ่มทุน แต่คุณวิชา (ผู้ถือหุ้นและผู้บริหาร MAJOR) ได้อธิบายให้เข้าใจแล้ว และราคานี้เชื่อว่าจะจูงใจให้ผู้ถือหุ้นเข้าซื้อ และโหวตให้กับการเพิ่มทุนครั้งนี้" นายสุรพงษ์ กล่าว
โดยการเพิ่มทุนครั้งนี้ กระบวนการจะแล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้คือวันที่ 24 ธ.ค. นี้ ซึ่งคาดว่าจะระดมุทนประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อจะนำไปซื้อบริษัท แปซิฟิค มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด (PM) และ บริษัท มีเดีย เน็ตเวิร์ก รีเทล จำกัด (MNR) ซึ่งทั้งสองบริษัทเป็นบริษัทย่อยของ เมเจอร์
อนึ่ง คณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 25 ก.ย.นี้มีมติให้บริษัทเข้าซื้อหุ้นสามัญของ PM และ MNR จากบมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป(MAJOR) และผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นทั้งหมดของทั้งสองบริษัท โดยการซื้อหุ้นทั้งสองบริษัทจะมีการแลกหุ้นกับ MPIC ทั้งนี้ กำหนดราคาซื้อหุ้นใน PM จากเดิมราคาหุ้นละ 39.4944 บาท เป็นราคาหุ้นละ 39.50 บาท ดังนั้นอัตราส่วนการแลกเปลี่ยนหุ้น(Share Swap Ratio) จึงเปลี่ยนแปลงใหม่ จากเดิม 9.68 หุ้นใหม่ของบริษัท ต่อ 1 หุ้นของ PM เป็น 10 หุ้นใหม่ของบริษัท ต่อ 1 หุ้นของ PM
และกำหนดราคาซื้อหุ้นใน MNR จากเดิมราคาหุ้นละ 75.4800 บาท เป็น 75.5438 บาท ที่มีอัตราส่วนการแลกเปลี่ยนหุ้น เปลี่ยนแปลงไป จากเดิม 18.50 หุ้นใหม่ของบริษัท ต่อ 1 หุ้นของ MNR เป็น 19.125 หุ้นใหม่ของบริษัท ต่อ 1 หุ้นของ MNR
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับธุรกิจเคเบิลทีวี บริษัทพร้อมจะทำคอนเท้นต์ป้อนให้กับสถานีตามเคเบิลทีวี แต่ยังไม่มีความสนใจทำสถานีตามเคเบิลทีวีเป็นของตัวเอง แต่เชื่อว่า ธุรกิจเคเบิลทีวีมีโอกาศเติบโตสูง เนื่องจากมีรายได้จะสมาชิก และ รายได้จากค่าโฆษณา
นอกจากนี้ ในปี 51 บริษัทมีแผนจะฉายภาพยนต์ 1 เรื่อง ชื่อ "บอย-ป๊อด บิทเทอร์สวีท" ซึ่งเป็นหนังสั้น จะเข้าฉาย ช่วงต้นเดือน ต.ค. หรือ พ.ย. นี้ ซึ่งบริษัทลงทุน 20 ล้านบาท โดยบริษัทจะเน้นทำรายได้จากสปอนเซอร์ มากกว่าการขายตั๋วหนัง และเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ชม
ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงคาดว่ารายได้ในปี 51 จะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 500 กว่าล้านบาท

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ