ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (26 ก.ย.) เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าสภาคองเกรสจะอนุมัติแผนฟื้นฟูภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีนักลงทุนบางกลุ่มวิตกกังวลที่แผนการดังกล่าวยังเป็นที่ถกเถียงในหมู่สมาชิกสภาคองเกรสสังกัดพรรครีพับลิกัน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 121.07 จุด หรือ 1.10% ปิดที่ 11,143.1 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 4.09 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 1,213.27 จุด แต่ดัชนี Nasdaq ลดลง 3.23 จุด หรือ 0.15% ปิดที่ 2,183.34 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.19 พันล้านหุ้น เทียบกับวันพฤหัสบดีที่ 5.73 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1
หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้นขานรับรายงานข่าวที่ว่า เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ตัดสินใจเข้าซื้อทรัพย์สินของวอชิงตัน มูชวล สถาบันการเงินประเภทออมทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในสหรัฐ หลังจากวอชิงตัน มูชวล เผชิญวิกฤตการณ์ทางการเงินจนบรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (FDIC) ต้องเข้ายึดกิจการบริษัท ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการล้มละลายครั้งใหญ่เท่าที่เกิดขึ้นในแวดวงธนาคารของสหรัฐ
จูลี แวน คลีฟ นักวิเคราะห์จากบริษัท Deutsche Bank AG กล่าวว่า "นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่า ท้ายที่สุดแล้วสภาคองเกรสจะอนุมัติแผนฟื้นฟูภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์อย่างแน่นอน"
อย่างไรก็ตาม การเจรจาเพื่ออนุมัติแผนฟื้นฟูภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐอาจไม่ราบรื่นเท่าที่มีการประเมินไว้ เมื่อคริสโตเฟอร์ ด็อดด์ ประธานคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภากล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า ในเบื้องต้นนั้นวุฒิสภาเห็นชอบในหลักการของแผนฟื้นฟูภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ แต่แผนการดังกล่าวอาจไม่ราบรื่นเมื่อสมาชิกสภาคองเกรสสังกัดพรรครีพับลิกันบางคนยื่นข้อเสนอทางเลือกอื่นในการคลี่คลายวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งสมาชิกของรีพับลิกันเหล่านี้มีนายอิริก แคนเตอร์ เป็นผู้นำทีม
นอกจากนี้ นักลงทุนบางกลุ่มยังวิตกกังวลเกี่ยวกับแผนฟื้นฟูภาคการเงิน เมื่อริชาร์ด ฟิสเชอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส ไม่เห็นด้วยกับแผนฟื้นฟูสถาบันการเงินที่ต้องใช้งบประมาณมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ โดยกล่าวว่า "แผนฟื้นฟูภาคการเงินซึ่งนายเฮนนี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐเสนอนั้น มีเป้าหมายที่จะนำเงินภาษีราษฎรไปซื้อหนี้เสียของสถาบันการเงิน ซึ่งการทำเช่นนั้นจะส่งผลให้ยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งจะยิ่งฉุดรั้งเศรษฐกิจให้แย่ลงไปอีก" ฟิสเชอร์กล่าว
หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ดีดตัวขึ้น 6.8% ส่วนหุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 11% ขานรับข่าวที่ว่าเจพีมอร์แกนตัดสินใจเข้าซื้อทรัพย์สินของวอชิงตัน มูชวล สถาบันการเงินประเภทออมทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในสหรัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่หนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก
อย่างไรก็ตาม ข่าวดังกล่าวฉุดหุ้นวอชิงตัน มูชวล ทรุดหนักถึง 91% ส่วนหุ้นเมอร์ริล ลินช์ ดีดขึ้น 6.8%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--