ภาวะตลาดหุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าบวก รับข่าวสภาคองเกรสบรรลุข้อตกลงฟื้นฟูภาคการเงินสหรัฐ

          นายอนุพนธ์ ศรีอาจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้เป็นบวก จากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก ทางรัฐบาลกับสภาครองเกรสของสหรัฐบรรลุข้อตกลงเรื่องแผนฟื้นฟูภาคการเงินไปแล้วน่าจะมีการอนุมัติอย่างเป็นทางการในวันนี้ น่าจะมีผลในเชิงบวกเพราะในช่วงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาส่วนใหญ่ก็รอดูปัจจัยนี้ว่าจะผ่านหรือไม่ 
          หุ้นสหรัฐตอบรับไปเมื่อวันศุกร์ในช่วงท้ายตลาดที่หุ้นการเงินปรับขึ้นก็ถือว่าหุ้นเอเชียทั้งหลายก็น่าจะตอบรับในช่วงสัปดาห์นี้เป็นปัจจัยที่เข้ามากระทบระยะสั้นในสัปดาห์นี้
          ปัจจัยในประเทศวันนี้ไม่น่าจะมีอะไร ให้รอดูตัวเลขเศรษฐกิจของแบงก์ชาติพรุ่งนี้  ตัวเลขเงินเฟ้อรอดูวันพุธก็ไม่น่าจะเซอร์ไพร์ส 
          ทิศทางตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ยังมองการถือครองหุ้นและจับการเล่นที่ระดับ 20-30 จุด ให้เป้าหมายระยะสั้นไว้ 640 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :  
          - ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (26 ก.ย.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 11,143.13 จุด เพิ่มขึ้น 121.07 จุด(+1.10%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,213.01 จุด เพิ่มขึ้น 3.83 จุด(+0.32%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,183.34 จุด ลดลง 3.23 จุด (-0.15%)  
          - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 300.94 ล้านบาทเมื่อวันศุกร์ (26 ก.ย.) 
          - ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวันศุกร์ 26 ก.ย. ที่ 106.89 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.13 ดอลลาร์ 
          -  ภาคเอกชนไทย-เทศ ให้โอกาสรัฐบาลขี้เหร่พิสูจน์ฝีมือ แนะผู้นำสนใจเศรษฐกิจมากกว่าผลประโยชน์การเมือง สร้างทีมบริหารดึงกระทรวงสำคัญวางนโยบายชัด แก้วิกฤติระยะสั้นหาตลาดส่งออกใหม่-สานต่อโลจิสติกส์-แก้ปัญหาน้ำ ส่วนระยะยาว เน้นการศึกษาพัฒนาเยาชนลดปัญหาสังคมปรับสวัสดิการรับมือปัญหาผู้สูงวัย
          - สศช. เตือนจับวิกฤติการเงินโลกลุกลามเข้ายุโรป-ญี่ปุ่น หวั่นกระทบการส่งออก-ท่องเที่ยวไทย ลากยาวถึงปีหน้า แนะรัฐบาลทบทวน 2 มาตรการภาษีสรรพสามิตน้ำมันสำเร็จรูป-มาตรการใช้น้ำฟรีใน '6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤติ' แนะจับตาเลือกตั้งสหรัฐกระทบเศรษฐกิจไทย
          - บริษัทประกันชีวิตไทย รวมพลังปรับแผนการขาย หลังวิกฤติการเงินสหรัฐกระทบความเชื่อมั่น ทุกค่ายหันมาใช้กลยุทธ์โชว์ความมั่นคง ฐานะการเงินแกร่ง ระบบบริหารความเสี่ยงเข้ม การลงทุนไม่เสี่ยง เน้นสินค้าคุ้มครองมากกว่าการลงทุน รองรับพฤติกรรมลูกค้าที่หันมาศึกษาข้อมูลเชิงลึกแทนแผนเดิมที่เน้นสร้างความสัมพันธตัวแทนเป็นหลัก ด้านคปภ.ย้ำ ธุรกิจประกันชีวิตของไทยแข็งแกร่ง ไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติ เน้นคุ้มครองผู้บริโภคมากขึ้น งัดกฎเหล็กเพิ่มความเข้มอีกระลอก ดีเดย์ 1 ม.ค.2552
          - แผน 7 แสนล้านดอลลาร์ช่วยชีวิตสถาบันการเงินสหรัฐฯ และแก้ปมวิกฤตสินเชื่อที่คุกคามเศรษฐกิจทั่วโลก ทำท่าเสร็จเรียบร้อยได้ก่อนตลาดเอเชียเปิดทำการเช้าวันนี้ (29) โดยบรรดาผู้นำรัฐสภาอเมริกัน และคณะรัฐบาลประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช วานนี้ใช้เวลาตกแต่งจัดทำรายละเอียดขั้นสุดท้าย หลังเจรจาตลอดทั้งคืนวันเสาร์(27) จนตกลงแก้ไขประเด็นสำคัญๆ กันได้          
          - ส.ว.เตรียมยื่น กกต.สอบ “สมชาย" ขาดคุณสมบัติความเป็นนายกรัฐมนตรี เหตุโชว์ทรัพย์สินว่าลงทุนใน “ซีเอส ล็อกซอินโฟ" ที่ “รับสัมปทานจากรัฐ" อันเป็นเท็จแถมลูกสาว “ชินณิชา" ก็ไปลงทุนใน “เอ็มลิ้งค์" ที่เป็นคู่สัญญากับ “กฟภ." อีกด้วย 
          - นายแบงก์ชี้สัญญาณเศรษฐกิจแผ่ว ระบุเงินในระบบหมุนช้ามาก หวั่นเข้าสู่ภาวะเงินฝืด-ถดถอย ชี้ภาคเอกชนป้องกันความเสี่ยงรับเงินสด-งดให้เครดิต อาการลูกหนี้เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี เอ็นพีแอลเริ่มปูดปรับโครงสร้างหนี้ถี่   ลุยทุ่มกำลังคนเร่งสกัด 
          - สถาบันคุ้มครองเงินฝากหารือธปท.ยกเลิกอนุญาตสถาบันการเงินออกตั๋วบีอีขายให้ ลูกค้า เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง หากลูกค้าแปลงตั๋วบีอีมาเป็นเงินฝาก ขณะที่แบงก์มีปัญหา ทางการเงินอาจแก้ไขยาก ถึงขั้นแบงก์ล้ม ระบุปัจจุบันมีมากกว่า 1 แสนบัญชี เตรียมเช็คข้อ มูลแบงก์ป้องกันปัญหาในอนาคต
          - นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.คลัง จะหารือกับสมาคมธนาคารไทยและผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ไทยที่เป็นสมาชิกทั้ง 19 แห่งในสันนี้ เพื่อทำความรู้จักแนะนำตัวเนื่องจากเข้ามารับตำแหน่ง รมว.คลังคนใหม่ ซึ่งการพบกับผู้บริหารธนาคารพาณิชย์ครั้งนี้ นายสุชาติจะขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์ให้ช่วยดูแลสภาพคล่องในระบบการหักเงิน เพื่อรับมือวิกฤติการเงินจากประเทศสหรัฐ แม้ว่าตอนนี้จะมีผลกระทบกับไทยไม่มากแต่จะมีผลกระทบรุนแรงในปีหน้า โดยเฉพาะการส่งออกที่จะขยายตัวลดลง และยังจะขอให้ธนาคารไทยพาณิชย์ช่วยเร่งปล่อยให้กู้กับเอสเอ็มอี เพราะเป็นการสร้างธุรกิจและรายได้ให้กับประชาชน เพราะจะเป็นช่องทางที่กระตุ้นเศรษฐกิจได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ 4-5%
          -  ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับสภาพตลาดหุ้นไทยซบเซาส่งผลจำนวนหุ้นที่เข้าจดทะเบียนรายใหม่มีจำนวนน้อย คาดทั้งปีไม่ได้ตามเป้าแม้จะมีการปรับจาก 51 บริษัท เหลือ 37 บริษัทแล้วก็ตาม โดย 3 ไตรมาสแรกมีหุ้นใหม่เข้าซื้อขายเพียง 11 บริษัท ขณะที่บริษัทที่จ่อคิวขายไอพีโอและเข้าเทรดในปลายไตรมาส 3-4 พากันถอยกรูด เปลี่ยนแผนชะลอการเข้าตลาดหุ้นเป็นแถว 
          - ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชะลอแผนลงทุนต่างประเทศ เหตุเงินไม่พอ ผลจากนำเงินไปร่วมลงทุนตั้งแมทชิ่งฟันด์-ภาวะตลาดต่างประเทศผันผวน เสี่ยงสูง ชี้แม้ตลาดหุ้นร่วงแรงยังไม่ลงทุนเพิ่ม "นงราม" เผยพอร์ตลงทุน ณ เดือนสิงหาคมผลตอบแทนติดลบ 3.25% แต่ดีกว่าเบนช์มาร์กที่ติดลบ 8%
          - "โอฬาร" ใช้ทีม ศก.ฉุกเฉินชุดปลัดคลังเป็น ปธ.เกาะติดแผนกู้วิกฤตสหรัฐ 7 แสนล้าน ยอมรับห่วงผลกระทบทุกด้าน เตรียมเพิ่มภาคเอกชนร่วมถกทางแก้หลัง รบ.แถลงนโยบาย
          - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับกลยุทธ์ในการออกพันธบัตร เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดยการลดขนาดของพันธบัตร และเพิ่มความถี่ของการออกพันธบัตรมากขึ้น ส่วนระยะเวลาในการออกพันธบัตรสูงสุด 3 ปี และระยะเวลาน้อยสุดคือ 14 วัน ซึ่งการออกพันธบัตรในแต่ละครั้งจะแจ้งให้ตลาดรู้ล่วงหน้า