นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บมจ.จีเอ็มเอ็ม มีเดีย(GMMM)กล่าวกับ “อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทเตรียมทำรายการเผยแพร่ผ่านเคเบิลทีวีทั่วประเทศ โดยจะเริ่มจากช่องเพลงลูกทุ่งที่จะออกอากาศในวันที่ 1 ต.ค.51 และภายในปี 52 บริษัทคาดว่าจะมีช่องของแกรมมี่และช่องใช้คอนเทนท์ของแกรมมี่อย่างน้อย 5 ช่อง
การนำเสนอคอนเท้นท์ของบริษัทผ่านดาวเทียมและส่งสัญญาณผ่านช่องทางต่างๆ ใช้เงินลงทุนเพียงสถานีละ 100 ล้านบาท และธุรกิจเคเบิลทีวียังคงมีโอกาสเติบโตสูงมากในอนาคตจากปัจจุบันมีครัวเรือนใช้เคเบิลทีวี 7-8 ล้านครัวเรือน จากครัวเรือนทั้งหมด 18 ล้านครัวเรือน โดยคาดว่าไม่เกิน 2 ปีจะมีการติดตั้งเคเบิลทดแทนการติดเพียงเสาอากาศที่ดูได้เพียง 6 สถานี โดยเคเบิลทีวีสามารถรับชมรายการถึง 80 สถานี
“การลงทุนในการทำคอนเท้นท์ผ่านเคเบิลทีวีใช้เงินเพียง 100 ล้านบาท แต่ถ้าต้องการทำสถานีโทรทัศน์โดยผ่านสัญญาณ UHF อย่างที่เคยตั้งใจใช้เงินไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้าน และจีเอ็มเอ็มมีเดียก็ไม่มีปัญหาในการลงทุนแม้ว่าจะเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์" นายไพบูลย์ กล่าว
สำหรับแผนการเพิกถอนหุ้น GMMM ออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยคาดว่าขั้นตอนการดำเนินการจะแล้วเสร็จในเดือน ม.ค.52 แต่คงจะไม่เกินไตรมาส 1/52 แน่นอน หลังจากนั้น เชื่อว่าจะทำให้สภาพคล่องในการซื้อขายหุ้น GRAMMY ดีขึ้นหลังจากทำคำเสนอซื้อหุ้น GMMM แล้วเสร็จ โดยหุ้น GRAMMY จะมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 40 ล้านหุ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อมูลค่าหุ้นของบริษัทด้วย
“สภาพคล่องหุ้นดีก็ย่อมส่งผลดีต่อ value หุ้นของบริษัท และที่ผ่านมาการแยกกันของบริษัทไม่ส่งผลดีต่อราคาหุ้น หุ้นไม่มีสภาพคล่องนักลงทุนขาดความสนใจหากสภาพคล่องดีเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้นด้วย และที่ผ่านมาทั้งสองบริษัททำธุรกิจที่ทับซ้อนกันมากขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจมีเดียกับคอนเท้นท์แยกกันไม่ออกเลย ซึ่งเราอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันและการรวมกันจ่ะส่งผลประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นมากกว่า" นายไพบูลย์ กล่าว
ด้านผลประกอบการปี 51 นายไพบูลย์ ในฐานะประธานกรรมการ บมจ. จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่(GRAMMY)คาดว่า รายได้รวมของบริษัทจะไม่ต่ำกว่า 8.5 พันล้านบาท และกำไรสุทธิในปี 51 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% เนื่องจากธุรกิจบันเทิง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทยังคงไปได้ดีทุกแขนงในปีนี้ โดยเฉพาะธุรกิจเพลงและมีแคมเปญฉลองครบรอบ 25 ปี แกรมมี่ รวมทั้งการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ อาทิ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย
ส่วนธุรกิจภาพยนตร์มีความหลากหลายมากขึ้นในปีนี้ จากที่ส่งหนังเข้าฉาย 6-7 เรื่อง ได้แก่ เรื่อง"กอด", "ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น" , "สี่แพร่ง", "รักสามเส้า", "หนึ่งใจเดียวกัน" เป็๋นต้น ทำให้มีรายได้เข้ามาเพิ่มขึ้น
อนึ่ง ในปี 50 GRAMMY มีรายได้รวม 7.3 พันล้านบาท และ กำไรสุทธิ 502 ล้านบาท
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--