CPF เดินหน้าฝ่ากระแสวิกฤติศก.โลก มุ่งขยายตลาดจีน-เกาหลี-ญี่ปุ่น-สหรัฐ

          นายสุพัฒน์ ศรีธนาธร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการตลาด บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) มองว่า การส่งออกสินค้าอาหารไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติสถาบันการเงินในสหรัฐ เพราะสินค้าอาหารมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต และบริษัทก็ยังเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจีน เกาหลี และ ญี่ปุ่น ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาการนำอาหารแปรรูปเข้าไปขยายตลาด คาดว่าจะเห็นในช่วงไตรมาส 2/52 
          "ในส่วนของอาหารสำเร็จรูป CPF มีแผนที่จะเจาะตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการสร้างแบรนด์และการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทโดยตั้งเป้าที่จะมีสัดส่วนแบรนด์ CPF ในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 50% จากปัจจุบัน 10%"นายสุพัฒน์ กล่าว 
          นายสุพัฒน์ เปิดเผยว่า บริษัทจะพยายามตรึงราคาสินค้าอาหารทุกประเภทจนถึงสิ้นปีนี้ แม้ว่าภาพรวมต้นทุนจะปรับขึ้น 1-3% แต่บริษัทก็จะเฝ้าติดตามสถานการณ์ของภาวะตลาด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า โดยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้น เท่ากับเป็นการปรับขึ้นราคาขายโดยอัตโนมัติ ซึ่งการปรับกลยุทธฺ์ก็จะสอดคล้องกับแผนในการสร้างแบรนด์ CPF ด้วย
          "การที่จะปรับราคาอาหารขึ้นหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์และภาวะตลาด ซึ่งตอนนี้เราก็เฝ้าและประเมินอยู่ตลอดเวลา แต่หากราคาต้นทุนขึ้นไปสูงมากก็คงไม่ปฏิเสธไม่ได้ที่จะไม่ปรับ แต่ตอนนี้ยังรับราคาต้นทุนที่เกิดขึ้นได้ด้วยการพยายามลดกระบวนการผลิต" นายสุพัฒน์ กล่าว 
          ในส่วนของ CPF ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมายอดขายในส่วนของสินค้าโมเดิร์นเทรดเติบโตจาก 8 เดือนแรกปีก่อน 15% ซึ่งมาจากการที่เพิ่มช่องทางการขายและในช่วงปลายปีก็เชื่อว่ายอดขายจะเติบโตต่อเนื่องเพราะเป็นช่วงปิดเทอมและเป็นช่วงที่ห้างสรรพสินค้าจะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายให้กับผู้บริโภค 
          สำหรับปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐไม่มีผลต่อบริษัทโดยตรง เพราะส่วนใหญ่สินค้าของบริษัทเป็นอาหารประเภทกุ้งที่ได้รับความนิยมและออเดอร์ยังมีเข้ามาต่อเนื่อง เพราะเป็นสินค้าจำเป็นในการดำรงชีพ แต่ก็มีบ้างที่การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในประเทศอาจจะลดลงไปบ้าง