TRUE เผยยอดขายทรูคอฟฟี่โตขึ้น 20%มาที่ 100 ลบ.เดินหน้าหาช่องทางออกตปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 30, 2008 16:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายปพนธ์ รัตนชัยกานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) โดยดูแลกลุ่มธุรกิจร้านทรูคอฟฟี่ และทรูไลฟ์ช็อป กล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจชะตัวในปัจจุบัน ยังไม่กระทบต่อยอดขายของบริษัท ซึ่งโดยเฉลี่ยต่อปีบริษัทจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 20% ซึ่งปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายโดยรวมไว้ที่กว่า 100 ล้านบาท สัดส่วนรายได้หลักมาจากสินค้าเบอร์เกอร์รี่ 60%, อินเทอร์เน็ต 25% และอื่นๆอีก15% 
ทางร้านทรูฯ พบว่า ผู้บริโภคจะใช้เวลาในการเข้าร้านเพื่อดื่มกาแฟและรับประทานขนม รวมทั้งใช้บริการอินเทอร์เน็ตในการติดตามสถานการณ์บ้านเมืองมากขึ้น โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อบิลต่อคนอยู่ที่ 178 บาท
นายปพนธ์ กล่าวต่อว่า บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาร้านทรูคอฟฟี่ และทรูไลฟ์ช๊อปให้ครบ 40 ร้านค้าภายในสิ้นปีนี้ โดยจะเน้นไปที่กลุ่มมหาวิทยาลัย เบื้องต้นจะตั้งที่มหาวิทยาลัย 8 แห่ง ใช้งบลงทุนต่อสาขาละ 1.5 ล้านบาท บนพื้นที่ 40 ตารางเมตร ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้วที่ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) หัวหมาก และจะขยายเข้าสู่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, วิทยาลัยเทคโนโลยีลาดกระบัง เป็นต้น คาดว่าจะขยายให้แล้วเสร็จใน พ.ย.นี้
นอกจากนี้ ทรูคอร์ป ได้จัดตั้งบริษัทใหม่ ภายใต้ชื่อบริษัท ทรู ไลฟ์สไตล์ รีเทล จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 131 ล้านบาท เพื่อขยายกลุ่มธุรกิจเข้าสู่ตลาดรีเทลโดยเฉพาะ จากเดิมที่จะเป็นการดูแลเฉพาะร้านค้าเท่านั้น
ขณะที่แผนการขยายสาขาร้านทรูคอฟฟี่ และทรูไลฟ์ช็อปที่ประเทศจีน เมืองเซียงไฮ้นั้น นายปพนธ์ กล่าวว่า บริษัทจะต้องชะลอออกไปอย่างไม่มีกำหนด จากเดิมที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงปีที่ผ่านมา ปัจจัยมาจากผลิตภัณฑ์นมผงที่ประเทศจีนมีสารปนเปื้อน, ปัญหาค่าแรงของบุคลากร และโครงสร้างร้านอินเทอร์เน็ต ซึ่งปกติกลุ่มบริการร้านอินเทอร์เน็ตในจีนจะมีโครงสร้างที่ใหญ่มาก หรือประมาณ 200 เครื่องคอมพิวเตอร์ บนพื้นที่กว่า 2,000 ตาราเมตร ดังนั้นการที่บริษัทจะเข้าไปลงทุนจะต้องมีโครงสร้างที่ไม่ต่างกัน
อย่างไรก็ดี บริษัทก็เชื่อมั่นว่าจะต้องเข้าไปเปิดสาขาในประเทศจีนอย่างแน่นอน เพราะขณะนี้มีพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงการขยายสาขาเข้าสู่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต เมืองดูไบ เนื่องจากมีพันธมิตรที่ต้องการนำรูปแบบร้านค้าไปทำการลงทุน แต่ติดปัญหาที่ความต้องการในประเทศยังมีน้อยมาก โดยจะจัดตั้งขึ้นที่ดูไบมอลล์ และที่ประเทศลาว เมืองเวียงจันทร์ ซึ่งจะเปิดให้บริการได้ในเดือนตุลาคม 2551 นี้ ซึ่งการขยายสาขาในต่างประเทศจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ในรูปแบบการขายเฟรนไชส์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ