บมจ.เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์(MPIC)เชื่อ"เผด็จ หงษ์ฟ้า"กุมบังเหียนช่วยเสริมแผนธุรกิจด้านโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ที่คาดว่าในปี 52 จะเป็นธุรกิจที่ทำรายได้หลักกว่า 80% และที่เหลือ 20% จะมาจากธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น โฆษณา อีเว้นท์ ส่วนธุรกิจที่เคยทำคือธุรกิจลิขสิทธิ์ถ่ายทอดแข่งขันฟุตบอลต่างประเทศจะเลิกทำแล้วหลังต้องจ่ายค่าลิขสิทธ์แพงมาก ทำแล้วไม่คุ้มทุน
ส่วน"สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย"ลาออกจาก CEO และ ประธานกรรมการบริหาร เพื่อไปดูแลภารกิจ Thailand Elite Card ซึ่งปัจจุบันเป็นทั้งประธานกรรมการบริหารและรักษาการกรรมการผู้จัดใหญ่ อย่างไรก็ตามไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท และยังคงเป็นกรรมการบริษัทต่อไป
พร้อมกันนั้น ยังเตรียมนัดประชุมผู้ถือหุ้น 24 พ.ย. เพื่อขอมติอนุมัติแผนแลกหุ้น(Share Swap)กับ บริษัท แปซิฟิค มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กรุ๊ป จำกัด (PM) และบริษัท มีเดีย เน็ตเวิร์ก รีเทล จำกัด (MNR) รอบที่สอง มั่นใจครั้งนี้ผ่านฉลุย เพราะได้ปรับราคา Swap และราคาให้สิทธิ์แก่ผู้ถือหุ้นเดิม โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและโอกาสทางธุรกิจเป็นหลัก เนื่องจากทั้งสองบริษัทที่จะแลกหุ้นด้วยนี้ รายหนึ่งมีลิขสิทธ์หนังฮอลลีวูด ส่วนอีกรายมีร้านค้าปลีก แต่ละปีทำรายได้น่าสนใจ
นายสุวิทย์ วรรณะศิริสุข รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการเงิน MPIC เปิดเผยถึงกรณีที่นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง CEO เนื่องจากนายสุรพงษ์ให้เหตุผลว่า ต้องการไปดูแลธุรกิจบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ผู้ดำเนินโครงการบัตรเอกสิทธิ์พิเศษภายใต้ชื่อ"Thailand Elite Card"ที่นายสุรพงษ์นั่งเป็นประธานกรรมการบริหารและรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่อยู่
อย่างไรก็ตาม นายเผด็จ หงษ์ฟ้า อดีตผู้บริหาร บมจ.ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์(CVD)ก่อนจะเปลี่ยนมือไปอยู่กับช่อง 3 ซึ่งเข้ามาแทนนายสุรพงษ์นั้น บริษัทมีความมั่นใจว่าด้วยประสบการณ์ของนายเผด็จในฐานะผู้คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงธุรกิจโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์ และดีลที่บริษัทจะซื้อหุ้น 2 บริษัท คือ PM และ MNR ก็เกี่ยวข้องกับ VCD DVD น่าจะช่วยเสริมให้ธุรกิจแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
"ต่อไป (ปี 52) รายได้หลักของ MPIC จะมาจากภาพยนตร์ 100% ซึ่งสามารถแยกย่อยอีกว่าจะมาจากโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนท์ ต่อไปกลุ่มเอ็มพิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์รายได้จะมาจากธุรกิจนี้กว่า 80% ส่วนที่เหลืออีก 20% จะมาจากช่องทางอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ อาทิ สปอนเซอร์ กิจกรรมส่งเสริมการตลาดอื่นๆ"นายสุวิทย์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายสุวิทย์ กล่าวว่า เมื่อก่อนช่องทางจำหน่ายมีหลายช่องทาง ฉายโรง ซึ่งก็จะเป็นหนังฟอร์มยักษ์ แต่หนังที่เราได้มามีทั้งหนังอินดี้ ค่ายเล็กๆ และตัวบริษัท PM ที่เราจะซื้อได้ลิขสิทธิ์หนังจากค่าย Paramount, Sony, Dreamwork ก็เลยมองว่าเราทำให้ครบถ้วนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
ส่วนปี 51 รายได้ของ MPIC ในช่วง 5 เดือนแรกยังเป็นรายได้จากการถ่ายทอดฟุตบอล FA Cup และ กัลโช่ เซเรอา ซึ่งจากนี้จะไม่ทำแล้วเพราะต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์แพงมากทำแล้วไม่คุ้ม
*มั่นใจผถห.เห็นชอบแผน Swap หุ้นกับ PM-MNR รอบสอง หลังปรับราคาใช้สิทธิ
นายสุวิทย์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการมีมติให้เรียกประชุมผู้ถือหุ้น MPIC ในวันที่ 24 พ.ย.นี้ เพื่อพิจารณาการเข้าซื้อหุ้น PM และ MNR อีกครั้งง หลังจากครั้งก่อนผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ไม่เห็นชอบแผนดังกล่าว แต่คราวนี้บริษัทมั่นใจมากว่าผู้ถือหุ้นจะอนุมัติแน่นอน เนื่องจากได้มีการปรับราคา Swap เหลือ 3.95 บาท/หุ้น จากเดิม 4.08 บาท/หุ้น และราคาให้สิทธิของผู้ถือหุ้นเดิม เหลือ 2.25 บาท/หุ้น จากเดิม 2.75 บาท/หุ้น โดยการปรับราคาครั้งนี้บริษัทคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มทุนคราวนี้อาจจะมีผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นในแง่หุ้นถูก Dilute เล็กน้อย
"อาจจะทำให้หุ้นถูก Dilute ลงนิดหน่อยเพราะต้องเอาหุ้นไปแลกกับคนอื่น ก็ต้องมีผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามา แต่ก็ต้องมองว่าต่อไปธุรกิจจะใหญ่ขึ้น...เพราะ 2 บริษัทนี้รายได้รวมกันต่อปีประมาณพันกว่าล้านบาท และในระยะยาวผู้ถือหุ้นจะได้ประโยชน์เยอะ Step ต่อไปก็ต้องมาดูต่อไปว่ารายได้กำไรเป็นยังไง จะล้างขาดทุนสะสมยังไง แต่ขอให้เราทำธุรกิจไปก่อนสักระยะหนึ่ง แต่ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ธุรกิจใหม่อยู่ตัวน่าจะช่วยล้างขาดทุนสะสมของบริษัทได้ในอนาคตอันใกล้"นายสุวิทย์ กล่าว
นายสุวิทย์ กล่าวว่า หลังการแลกหุ้นคราวนี้ MNR จะเข้ามาถือหุ้นใน MPIC ประมาณ 11% ขณะที่ MAJOR ก็จะถือหุ้นใน MPIC เพิ่มเป็นประมาณ 45% จากเดิมที่ถืออยู่ 41%
เมื่อถามว่า มีแผนรองรับหรือไม่หากประชุมผู้ถือหุ้นคราวนี้ก็ยังไม่เห็นชอบอีก นายสุวิทย์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดหรือหาแผนอื่นไว้เลย เพราะมั่นใจมากว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้นคราวนี้จะมีมติเห็นชอบ
"เรามั่นใจว่าคราวนี้ผ่าน เพราะถ้ากล้าทำครั้งที่ 2 ความมั่นใจต้องสูง แต่ถ้าพลิกผันก็เป็นเรื่องใหญ่เหมือนกันว่าจะเอาไงต่อไป แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกัน"นายสุวิทย์ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--