โบรกเกอร์แนะนำลงทุนหุ้นธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY)หลังเห็นราคาลงต่ำไปมากกว่าราคาพื้นฐาน Upside gain สูง และคาดกำไรในไตรมาส 3/51 จะออกมาสูงกว่าไตรมาส 3/50 จากการขยายตัวของสินเชื่อ และส่วนต่างดอกเบี้ยยังคงระดับสูงถึง 4% ขณะที่ฐานการเงินแข็งแกร่ง แม้ว่าปีนี้จะมีการตั้งสำรอง CDO เพิ่มแต่ก็ไม่มาก
อย่างไรก็ตาม ช่วงเช้าราคาหุ้น BAY ตกต่อเนื่องจากวานนี้ เพราะนักลงทุนยังกังวลว่ากลุ่มจีอีจากสหรัฐที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จะถอนการลทุนออกไปหลังเจอวิกฤติการเงินสหรัฐ โดยเช้านี้ราคาปรับลงไปต่ำสุดที่ 15.40 บาท เท่ากับวานนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี โดยปิดช่วงเช้าที่ราคา 15.70 บาท ลดลง 0.40 บาท (-2.47%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
บล.ฟิลลิป ซื้อ 27.50
บล.กสิกรไทย ซื้อ 26.00
บล.นครหลวงไทย ซื้อ 25.80
บล.ฟาร์อีสท์ ซื้อ 25.25
บล.ยูไนเต็ด ซื้อ 22.30
บล.เกียรตินาคิน ซื้อ 21.80
นายเมฆ เมฆเสรีกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ สถาบันวิจัยนครหลวงไทย กล่าวว่า ราคาหุ้น BAY เช้านี้แม้จะปรับตัวลดลง เพราะนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับกรณี บริษัท จีอี แคปปิตอล อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง คอร์เปอร์เรชั่น ซึ่งเป็นสัญชาติอเมริก้น เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BAY สัดส่วน 33% จะถอนการลงทุนออกไป ซึ่งขณะนี้วิกฤติการเงินในสหรัฐจะลามมายังธุรกิจการเงินด้านรายย่อย(Retail) หลังจากที่ จีอีฯ ได้ถอนการลงทุนในญี่ปุ่นแล้ว
แต่ในความเห็นมองว่าเป็นไปได้ยากที่ จีอีฯจะถอนการลงทุนออกจาก BAY เพราะนโยบายของจีอีฯขัดจนว่าจะลงทุนในประเทศตลาดเกิดใหม่ ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในนั้น เพราะให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งผู้บริหาร BAY ก็ออกมายืนยันแล้วว่าจีอีฯไม่ขายหุ้นออกมาอย่างแน่นอน หรือหากมีการถอนการลงทุนออกไปจริงก็เป็นเพียงการเปลี่ยนตัวผู้ถือหุ้น และผู้ถือหุ้นรายใหม่อาจจะดีกว่าจีอีฯ ก็เป็นไปได้ ซึ่งมองว่าหากแบงก์ญี่ปุ่นเข้ามาซื้อก็ยิ่งดี
และเมื่อพิจารณาฐานะการเงินและกองทุนของ BAY ยังแข็งแกร่ง โดยในส่วนที่ BAY ลงทุน CDO ซึ่งธนาคารได้ตั้งสำรองแล้ว 51% และคงตั้งสำรองต่อเนื่อง ขณะที่การขยายตัวสินเชื่อยังดีอยู่ รวมทั้ง อัตราส่วนต่างดอกเบี้ย (NIM) ก็สูงขึ้น ก็เป็นปัจจัยบวกที่น่าเข้าลงทุน
"ราคาหุ้น BAY ลง เพราะ BAY มี จีอี เป็นบริษัทแม่เป็นผ้ถือหุ้นใหญ่ ที่เป็นสัญชาติอเมริกัน ก็กลัวว่าสภาพคล่องจะตึงไหม จะต้องถอนการลงทุนออกจาก BAY ไหม ก็มีหลายคนเขา concern ตรงนี้ แต่ผมเห็นว่ายาก...ดูฐานะการเงิน และกองทุนของ BAY ยังเยอะมากๆ" นายเมฑ กล่าว
ส่วนบทวิเคราะห์ของบล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)ระบุว่า BAY ยังน่าลงทุน ราคาหุ้นเมื่อเทียบกับราคาพื้นฐานยังมี upside ในเกณฑ์สูง คาดเห็นการขยายตัวของกำไรได้ดีในปีนี้หลังความจำเป็นในการตั้งสำรองลดลงและมีการเติบโตแบบ Inorganic จากการเข้าซื้อ GECAL
ในไตรมาส 3/51 คาดว่า BAY มีกำไรอยู่ที่ 1.36 พันล้านบาท ลดลง 32.0% QoQ, 52.7% YoY จากสินเชื่อที่เติบโตต่อเนื่อง ด้าน NIM คาดว่ายังอยู่ในระดับ 4%
ส่วนกลุ่มจีอีของสหรัฐยังคงมี commitment ต่อ BAY แม้อยู่ท่ามกลางภาวะวิกฤตการเงินสหรัฐ เราคาดหมายกลุ่ม จีอี จะยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่เนื่อง จากกลุ่มมีธุรกิจที่หลากหลายซึ่งช่วย ลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้กลุ่มจีอีได้ขายเงินลงทุนด้าน mortgage และ personal loan ในสหรัฐและแคนาดาตั้งแต่ปลายปี 2550 และในญี่ปุ่นในเดือนส.ค. ที่ผ่านมา
นโยบายของกลุ่มจีอีจะเน้นการดำเนินธุรกิจธนาคารในแถบ EU และ emerging markets สำหรับการลงทุนในไทย ถือเป็นธุรกิจที่ใหญ่และมีความสำคัญต่อกลุ่มจีอีอย่างหนึ่ง
สำหรับบล.เกียรตินาคิน คาดว่า BAY ในไตรมาส 3/51 จะมีกำไรสุทธิ 2,148 ล้านบาท ลดลง 25.4%YoY แต่เพิ่มขึ้น 7.3%QoQ เนื่องจากสินเชื่อยังขยายตัวต่อเนื่อง ได้รับเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ และต้นทุนทางการเงินลดต่ำลง เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิของ BAY ในปีนี้ ไว้เหมือนเดิมที่ 7,293 ล้านบาท แต่ปรับลดราคาเหมาะสมลงเหลือ 21.80 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติการทางการเงินในอเมริกา แต่ BAY นั้นยังมีศักยภาพในการเติบโต และราคาปัจจุบันยังมี Upside gain อยู่ถึง 34.6%
นอกจากนี้ คาดปีนี้ BAY จะกลับมาจ่ายปันผลได้อีกครั้ง 0.45 บาท/หุ้น คิดเป็น อัตราผลตอบแทน 2.78% โดย BAY ได้มีประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วจำนวน 0.15 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD ไปแล้วเมื่อวันที่ 15 ก.ย.2551
ส่วน บล.ฟินันซ่า มองว่า ปัจจัยเรื่องกลุ่มจีอี กดราคาหุ้น BAY ต่ำสุดในรอบ 3 ปี จากความวิตกว่าพันธมิตรระดับโลกอย่างจีอี ซึ่งเป็นสถาบันการเงินชั้นนำจากสหรัฐฯจะตกเป็นเหยื่อของซับไพร์มเช่นเดียวกับสถาบันการเงินชื่อดังอื่นในสหรัฐ
ที่ผ่านมายังไม่เคยมีข่าวว่าจีอีจะล้ม แต่อนาคตไม่รู้ ด้วยความจำกัดของข้อมูลทั้งในเชิงผลกระทบที่แท้จริงของซับไพร์มต่อระบบสถาบันการเงินของสหรัฐฯ และสถานภาพทางการเงินที่แท้จริงของจีอี ทำให้ขณะนี้เราไม่สามารถประเมินได้ว่าจีอีมีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนจากปัญหาซับไพร์ม แต่ที่ผ่านมาเรายังไม่เคยเห็นข่าวร้ายมากๆ เป็นเรื่องยังต้องติดตามต่อไป
ในกรณีเลวร้าย ถ้า จีอี จากไป เราเชื่อว่าราคา 14 บาท ซึ่งเป็น BV น่าจะรับอยู่ แต่หาก จีอี อยู่รอดปลอดภัยและไม่ทิ้ง BAY ไป ราคาเป้าหมายควรเกิน 20 บาท Upside 30%ขึ้นไป ส่วนมุมมองเทคนิค คาดราคาแกว่งตัวในกรอบ 15.40-16.40 บาท
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--