LL เผยพันธมิตรขอรอดูก่อนตัดสินใจปี 52/ปรับกลยุทธหันโฟกัสทาวน์เฮ้าส์

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 2, 2008 17:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายมานพ เขียวชะอุ่ม กรรมการ บมจ.ลิฟวิ่งแลนด์ แคปปิตอล(LL) คาดว่า การคัดเลือกพันธมิตรเข้ามาร่วมลงทุนน่าจะได้ข้อสรุปในปีหน้า จากเดิมที่คาดว่าจะชัดเจนในไตรมาส 4/51 เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งเศรษฐกิจและภาวะตลาดที่ไม่เอื้อ ทำให้พันธมิตรขอชะลอดูก่อน 
ปัจจุบันบริษัทยังคงดำเนินการเจรจากับผู้ที่สนใจจะเข้ามาร่วมลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างเจรจาไม่ต่ำกว่า 3 รายทั้งกองทุนในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของบริษัทที่ต้องการพันธมิตรที่ลงทุนในระยะยาว ซึ่งในเบื้องต้นการเข้ามาของพันธมิตรจะเข้ามาถือหุ้นในส่วนที่เพิ่มทุนขายให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP)
นายมานพ กล่าวว่า การได้พันธมิตรจะเข้ามาช่วยเกื้อหนุนให้กับบริษัทในระยะยาว รวมถึงสนับสนุนในด้านแผนงานด้วย
สำหรับยอดขายในปีนี้ ต้องยอมรับว่าคงไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จากผลกระทบสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าจะขายโครงการที่เปิดตัวได้อย่างต่อเนื่อง แต่ยอดรวมไม่เป็นไปตามที่วางไว้ แต่อย่างไรก็ตาม จากการประเมินของทางบริษัท พบว่าความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคที่ระดับราคา 1 ล้านบาทยังมีอยู่สูง จึงทำให้บริษัทโฟกัสมาที่ทาวน์เฮ้าส์มากขึ้น โดยจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 45% จากเดิมที่ 40% ขณะที่ลดสัดส่วนบ้านเดี่ยวลงจาก 30% เหลือ 15% และที่เหลือเป็นโครงการคอนโดฯ
"เราอยู่ระหว่างการรอดูปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าทำให้จิตใจของคนซื้อบ้านปรับเปลี่ยนไป ไม่ได้ซื้อทันที หากเป็นอย่างนี้การปรับแผนก็เป็นสิ่งที่ดี คงจะเห็นการปรับแผนดังกล่าวในไตรมาส 4"นายมานพ กล่าว
ส่วนการเปิดโครงการใหม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา จากปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว 10 โครงการ โดยจะเน้นโครงการในฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของกทม. หากภาวะตลาดเอื้อและเป็นไปตามแผนที่วางไว้คงจะเห็นโครงการทาวน์เฮ้าส์จำนวน 2 โครงการในไตรมาส 1-2/52 ในระดับราคา 1-2 ล้านบาท มูลค่าโครงการละ 500-700 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวอีก 1 โครงการ
"ภาวะแบบนี้เราไม่เสี่ยง ปีนี้ขอรอดูก่อน ไม่เสี่ยงทำหากตลาดไม่เอื้อ แม้ดีมานด์จะไม่ลดลงก็ตาม ส่วนในงานมหกรรมคอนโดฯหากได้ครึ่งหนึ่งของปีก่อนที่ได้ 120 ล้านบาทก็เป็นระดับที่น่าพอใจแล้วภายใต้สถานการณ์แบบนี้ โดยครั้งนี้นำมา 400 กว่ายูนิต" นายมานพ กล่าว
ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาส 3/51 น่าจะมีกำไรต่อเนื่องจากไตรมาส 2/51 และทั้งปี 51 ก็น่าจะมีกำไรจากที่ขาดทุนสะสมอยู่

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ