นายกสมาคม บลจ.คาด NAV โดยรวมปีนี้ทรงตัว หลัง FIF รับผลพวงวิกฤติสหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 3, 2008 16:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บลจ.บัวหลวง ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม คาดว่า มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร(NAV)โดยรวมของธุรกิจ บลจ.ในปีนี้จะทรงตัวจากปีก่อนที่อยู่ที่ 1,610,893 ล้านบาท โดยเฉพาะกองทุนรวมเพื่อการลงทุนต่างประเทศ (FIF) เป็นกองทุนที่ถือว่าได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจโลกมากที่สุด อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทยด้วย 
NAV ในส่วนกองทุนประเภทอื่นๆ อย่างกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) ก็ปรับลดลงเช่นกัน แต่ปัจจัยที่กระทบนั้นมาหลายสาเหตุทั้งการถอนออกจากที่ถือเพราะครบอายุ จ่ายปันผลหรือมีผลขาดทุนจากการบริหารจัดการ ขณะที่กองทุนตราสารหนี้ก็ลดลง เพราะธนาคารพาณิชย์แย่งกันดึงเงินฝากทำให้ลูกค้ามีการโยกเงินออก ดังนั้น ภาพกองทุนรวมจึงชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตัวเลขสินทรัพย์กองทุนดังกล่าวปรับลดลงทั้งหมด มูลค่าสินทรัพย์ของกองทุน 9 เดือน ณ ก.ย อยู่ที่ 1,578,538 ล้านบาท จากสิ้นปีก่อนที่ 1,610,893 ล้านบาท โดยสินทรัพย์ในกองทุน RMF กับ LTF สินทรัพย์ลดลงมาในปัจจุบันอยู่ที่ 8.05 พันล้านบาทจากสิ้นปี50 อยู่ที่ 8.7 หมื่นล้านบาท
ถึงแม้กองทุน FIF จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.56 แสนล้านบาทจาก ณ ธ.ค.50 ที่ 2.09 แสนล้านบาท โดยวิกฤติอาจทำให้ได้รับผลพวงในระยะต่อไป
นางวรวรรณ กล่าวว่า สิ่งที่ควรติดตามคือตอนนี้คนไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก ต้องยอมรับว่าทำให้ไม่กล้าลงทุนโดยเฉพาะ FIF ที่ลงทุนในสินทรัพย์และหลักทรัพย์ต่างประเทศน่าจะได้รับผลกระทบมากสุด และเป็นห่วง บลจ.ที่จะออก FIF ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ก็กลัวขายไม่ได้ จึงอาจทำให้ภาพรวม NAV ของกองทุนรวมในปีนี้ไม่ดี ยกเว้นบลจ.ที่มองวิกฤติเป็นโอกาสอย่าง FIF ที่ลงทุนในหุ้น เพราะตอนนี้หุ้นถูก
แต่การที่ทางการผลักดันการลงทุนของกองทุน หรือเปิดกว้างในการขยายเพดานการทำเงินลงทุนในกองทุน LTF และ RMF ที่จะนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก็จะทำให้ NAV โดยรวมของกองทุนรวมเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งมีเม็ดเงินเพิ่มในตลาดทุนด้วย
นางวรวรรณ กล่าวต่อว่า ปัญหาวิกฤติดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบทั่วโลกเพราะมีความเชื่อมโยงกัน ดังนั้น การเปิดเสรีทางการเงิน(FTA) ควรจะต้องมานั่งทบทวนให้รอคอบ ทั้งในส่วนของ ธปท. กลต. และ หน่วยงานต่าง ๆ รวมทั้งควรหาวิธีป้องกันไว้ด้วยโดยเฉพาะการบริหารความเสี่ยงต้องมีความเข้มงวดมากขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ