ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่า มาตรการกอบกู้ภาคการเงินของสหรัฐมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสไปแล้วนั้น จะช่วยให้เศรษฐกิจรอดพ้นจากการเผชิญอุปสรรคได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสถานการณ์ในตลาดสินเชื่อยังคงตึงตัว และยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะกลไกการปล่อยและขอเงินกู้จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วงลง 157.47 จุด หรือ 1.50% แตะที่ 10,325.38 จุด ขณะที่ดัชนี &P 500 ปิดลบ 15.05 จุด หรือ 1.35% แตะที่ 1,099.23 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วง 29.33 จุด หรือ 1.48% แตะที่ 1,947.39จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 6.5 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตรา 2 ต่อ 1
นักลงทุนได้เทขายหุ้นในช่วงท้ายของวัน หลังจากที่เข้าซื้อขายกันอย่างคึกคักจนดัชนีไต่ขึ้นไปกว่า 300 จุด เมื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบต่อมาตรการดังกล่าวและประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ได้รีบลงนามบังคับใช้เป็นกฏหมายทันที แต่หลังจากนั้นนักลงทุนต่างส่งแรงซื้อขายหุ้นกลุ่มบลูชิพจนแกว่งตัวผันผวนขึ้นลงอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ นักลงทุนยังมีความวิตกกังวลต่อวิธีแก้ปัญหาของรัฐบาลที่มีแผนการเข้าซื้อหนี้เสียจากธนาคารและสถาบันการเงินเพื่อกระตุ้นตลาดเงินและตลาดสินเชื่อให้ฟื้นตัวขึ้นจนส่งผลให้การซื้อขายในตบาดผันผวนรุนแรงมาตลอดทั้งสัปดาห์
โดยร่างกฎหมายฉบับใหม่ที่ได้รับการแก้ไขแล้วนั้นได้มีการเพิ่มเติมเนื้อหาบางส่วน ซึ่งรวมถึงการเพิ่มค้ำประกันวงเงินฝากธนาคารที่ได้รับการค้ำประกันโดยบรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (FDIC) จากเดิมที่ 100,000 ดอลลาร์ เป็น 250,000 ดอลลาร์ มีเป้าหมายเพื่อให้ความมั่นใจแก่ผู้ฝากเงินว่าเงินฝากของประชาชนจะได้รับความคุ้มครองและเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการถอนเงินออกไปเป็นจำนวนมาก และจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในมาตรการลดหย่อนภาษีมูลค่า 1.49 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วไป
แฮงค์ สมิธ นักวิเคราะห์จากฮาเวอร์ฟอร์ด อินเวสเม้นท์กล่าวว่า "สหรัฐเผชิญกับวิกฤตสินเชื่อที่เลวร้ายมานาน ซึ่งนักลงทุนมองว่ามาตรการฟื้นฟูภาคการเงินนี้อาจช่วยบรรเทาสถานการณ์ตึงเครียดในตลาดสินเชื่อได้บ้าง แต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จึงจะเห็นผล และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน "
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบหลังจากที่ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขจ้างงานเดือนก.ย.ที่ร่วงลงอย่างหนักถึง 159,000 ตำแหน่ง ซึ่งรุนแรงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 100,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานย่ำฐานทรงตัวที่ระดับ 6.1% ตามคาด
ทั้งนี้ หุ้นเวลล์ส ฟาร์โกตกลง 1.7% ขณะที่หุ้นซิตี้กรุ๊ปดิ่งลงอย่างหนัก 18%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล โทร.0-2253-5050 อีเมล์: orasa@infoquest.co.th--