ดัชนี SET ดิ่งต่อ 5% หลังนลท.ไม่มั่นใจแผนฟื้นฟูการเงิน US$ 7 แสนล้าน

          ล่าสุดเมื่อเวลา 15.05 น.ดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ 560.30 จุด ลดลง 29.75 จุด(-5.04%) ผลตอบรับหลังนักลงทุนไม่มั่นใจแผนฟื้นฟูภาคการเงินของสหรัฐ 7 แสนล้านดอลลาร์ จะช่วยแก้วิกฤตการเงินโลกที่กำลังลุกลามได้     
          บล.เกียรตินาคิน ระบุในบทวิเคราะห์ฯโดยประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวผันผวนจากการไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่น โดยมีแนวโน้มทางลง ดังนี้  คาด SET ปรับตัวลงหลุดระดับ 570 จุด ไปที่ระดับ 550 จุด (อิงที่ P/E 8.33 เท่า) และ 530 จุด(อิงที่ P/E 8.03 เท่า)  
         หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์  เช่น น้ำมัน ถ่านหิน และค่าระวางเรือ อาจมีแนวโน้มระดับราคาที่ผันผวนทางลงหลุดต่ำกว่าจุดต่ำสุดครั้งที่แล้ว  ส่วนหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน เช่น แบงก์ อาจลงทดสอบระดับ จุดต่ำสุดเดิม  
          อย่างไรก็ตาม หาก SET สามารถยืนเหนือ 570 จุด (ซึ่งเราให้น้ำหนักประเด็นนี้ไม่มาก) คาด SET รีบาวด์จำกัด อาจติดแนวต้านที่ 580-583 จุด (อิงP/E SET = 8.78 เท่า)
         ภาพกลยุทธ์ยังคง Wait and See ตลาด เพื่อพิจารณาว่า ความเชื่อมั่นต่อระบบสถาบันการเงินจะกลับมาได้มากน้อยเพียงใด หลังให้ความช่วยเหลือจากแผนฟื้นฟู 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และแนวทางต่อการใช้กลยุทธ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดแบบฉุกเฉิน จะมีหรือไม่ 
          สิ่งที่ต้องติดตามต่อจากนี้ คือ รอดูผลของกฎหมายฟื้นฟูภาคการเงิน ฉบับปรับปรุงใหม่ วงเงิน 700,000 ล้านดอลลาร์ ภายหลังบังคับใช้เป็นกฎหมาย รวมทั้งติดตามความช่วยเหลือ และผลกระทบจากวิกฤตสินเชื่อในสถาบันการเงินของสหรัฐที่กำลังลุกลามไปยังที่อื่นๆ โดยเฉพาะยุโรป
          ตลาดกำลังมุ่งไปที่ 3 ประเด็นใหม่ คือ  สัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังถดถอย, การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ครั้งต่อไปวันที่ 28-29 ต.ค.51 ในเบื้องต้นตลาดต่างคาดหมายว่า FED อาจพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลงจากปัจจุบันที่ระดับ 2% รวมทั้ง FED อาจจัดประชุมฉุกเฉิน (ก่อนกำหนด) หากตลาดหุ้นมีความผันผวน 
          และปัญหาภาคธนาคารในยุโรป และแผนกู้วิกฤตการเงินที่คล้ายกับในสหรัฐ ภายหลังวิกฤตสินเชื่อในสถาบันการเงินของสหรัฐลุกลามเข้าไปในยุโรปแล้ว แม้ภายหลังการหารือร่วมกันของผู้นำ 4 ชาติยุโรป คือ ฝรั่งเศส เยอรมนี อังกฤษ และอิตาลี ในวันที่ 4 ต.ค.51 ที่ผ่านมา จะยังไม่มีแผนช่วยเหลือใดออกมา เพียงแต่เรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรปออกข้อเสนอด้านกฎหมายในอนาคตด้านการค้ำประกันเงินฝากธนาคารในยุโรป รวมทั้งจัดตั้งหน่วยงานควบคุมข้ามพรมแดน และให้แต่ละประเทศประสานมาตรการแก้ปัญหาเข้าด้วยกัน