(เพิ่มเติม) "บุญทักษ์"เผย TMB วางแผนธุรกิจระยะ 3 ปีขอส่วนแบ่งเงินฝาก 14%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 6, 2008 16:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย(TMB) เปิดเผยว่า ธนาคารประชุมเพื่อวางแผน 3 ปี โดยตั้งเป้าหมายขยายส่วนแบ่งตลาด(มาร์เก็ตแชร์)เงินฝากที่ 14% จากปัจจุบันอยู่ที่ 7-9% และคาดหวังว่าจะมีมาร์เก็ตแชร์ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์รวม 11% เพื่อให้มีรายได้และกำไรสามารถแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ได้
ขณะที่ธนาคารตั้งเป้ามีสัดส่วนรายได้จากการเป็น Retail Banking 40% สัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียม 35% จากปัจจุบันที่มีรายได้ 30% และ 30%ตามลำดับ
ธนาคารจะเร่งการสร้างฐานลูกค้าทั้งจากฐานลูกค้าเดิม และการสร้างลูกค้าใหม่ ผ่านบริการใหม่ อาทิ บริการออนไลน์ อินเตอร์เร็ต โมบายแบงก์กิ้ง ถือเป็นบริการใหม่ที่ธนาคาเพิ่งเริ่ม
ล่าสุด ธนาคารได้พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเต็มรูปแบบ เปิดตัว TMB M-Banking: ธนาคารส่วนตัวบนโทรศัพท์มือถือ นวัตกรรมทางการเงินแบบไร้สายด้วยจุดเด่น ที่สามารถใช้ได้กับโทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย เพื่อตอบสนองทุก Lifestyle ของคนรุ่นใหม่ และเชื่อว่าจะได้ฐานลูกค้าผ่านมือถือเป็นแสนราย
"สำหรับการตั้งเป้าหมายนี้แม้ว่าจะสูง แต่บอร์ดได้มีการศึกษาเป็นอย่างดี และทุกแผนการก็ได้รับการอนุมัติ เชื่อว่าจะสร้างอำนาจในการแข่งขันให้กับธนาคาร และเชื่อว่าเงินทุนของธนาคารที่จะลงทุนเพื่อเพิ่มอำนาจการแข่งขันทั้ง Network หรือการขยายสาขาไม่จำเป็นต้องมีการเพิ่มทุนอีก เนื่องจากเพิ่งเพิ่มทุนในส่วน ING เข้ามาถือหุ้น เชื่อว่าเพียงพอในการลงทุน 3 ปี ข้างหน้า" นายบุญทักษ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในแผนธุรกิจ 3 ปี ธนาคารยังไม่ได้ระบุถึงแผนล้างขาดทุนสะสมที่มี 1 แสนล้านบาท เนื่องจากต้องรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม และทุนสำรองของธนาคารก็มีเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องเร่งล้างขาดทุนสะสมในช่วงนี้
นายบุญทักษ์ กล่าวว่า สถานการณ์ปัญหาวิกฤติการเงินในสหรัฐน่าจะเริ่มทุเลาลง และไม่น่าจะมีสถาบันการเงินใหญ่เกิดวิกฤติอีก โดยเฉพาะกลุ่ม ING เนื่องจาก ING ไม่มีการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง และปกติมีการลงทุนแบบ Conservative อยู่แล้ว แต่ปัญหาวิกฤติการเงินสหรัฐเป็นปัญหาด้านความเชื่อมั่นที่ทำให้ส่งผลกระทบต่อทั่วโลก แต่ถ้าให้มองในระดับโลกแล้ว เชื่อว่ายังมีศักยภาพและมีบุคลากรที่มีคุณภาพเพียงแต่ขาดความเชื่อมั่นจากวิกฤติที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่เชื่อว่าปัญหานี้น่าจะแก้ไขได้
ส่วนธนาคารทหารไทย ยังไม่มีแนวคิดที่จะขายบลจ.ไอเอ็นจี หรือบลจ.ทหารไทย หรือควบรวมทั้ง 2 บริษัทเข้าด้วยกันเพราะมองว่า การมี บลจ.2 แห่งในเครือ ถือว่ามีศักยภาพในการแข่งขันสูงในธุรกิจกองทุนรวม เพราะมีสินค้ามากกว่ากองทุนรวมอื่นๆที่ขายผ่านธนาคารทหารไทย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ