TUF เข้าลงทุนธุรกิจอาหารกุ้งในอินเดียใช้เงินราว 40 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 6, 2008 16:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

         นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ไทยยู เนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ (TUF) เปิดเผยว่า  บริษัทจะเข้าถือครองหุ้นสามัญของบริษัท อะแวนติ ฟีด จำกัด จำนวน 1,190,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 14.99% ของจำนวนหุ้นที่ถือทั้งหมด โดยบริษัทได้เข้าซื้อหุ้นในมูลค่าหุ้นละ 40 รูปี คิดเป็นมูลค่าเงินลงประมาณ 40 ล้านบาท 
สำหรับบริษัท อแวนติ ฟีด จำกัด นั้น เป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและส่งออกอาหารกุ้ง และกุ้งแช่ แข็ง โดยบริษัทเป็นผู้ผลิตอาหารกุ้งรายใหญ่ เป็นอันดับ 2 ของประเทศอินเดีย และเป็นบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ใน ตลาดหลักทรัพย์บอมเบย์ ประเทศอินเดีย
นายธีรพงศ์ กล่าวว่า TUF เป็นพันธมิตรทางการค้ากับ อะแวนติ ฟีด มาเป็นเวลานานแล้ว โดยผ่านทางบริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตอาหารสัตว์น้ำ ประเภทอาหารกุ้งและอาหารปลา และเป็นบริษัทย่อยของทียูเอฟ โดย ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยีทางด้านการผลิตอาหารกุ้งกุลาดำให้กับอะแวนติ ฟีด เนื่องจากเดิมนั้น รัฐบาลอินเดียอนุญาตให้ผู้ประกอบการเลี้ยงกุ้งกุลาดำได้เพียงอย่างเดียว
แต่เมื่อเร็วนี้ๆ รัฐบาลอินเดีย มีนโยบายที่จะอนุญาตให้ผู้ประกอบการสามารถเลี้ยงกุ้งขาวได้ ซึ่งจากจุดนี้เอง ทียูเอฟมองว่า โอกาสที่กุ้งขาวจะ เป็นที่ยอมรับและเติบโตในอินเดียเหมือนอย่างประเทศอื่นๆ ที่หันมาเลี้ยงกุ้งขาวแทนกุ้งกุลาดำนั้น มีความเป็นไป ได้สูง และไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ เองก็มีความเชี่ยวชาญและชำนาญในเทคโนโลยีการผลิตอาหารกุ้งขาวด้วยเช่นกัน ทำให้บริษัทเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจอุตสาหกรรมกุ้งให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็มองโอกาสสำหรับการ ขยายช่องทางการตลาดของสินค้าอาหารทะเลแช่แข็ง และบรรจุกระป๋องอีกด้วย
“สำหรับธุรกิจผลิตอาหารกุ้งนั้น เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีความสำคัญอย่าง มากกับทียูเอฟ เพราะที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้จากผลการดำเนินงานของ บริษัทไทยยู เนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2551 บริษัทสามารถทำกำไรสูงถึง 120% และมียอดขายเติบโต ขึ้น 5% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกของปี 2550 แม้ว่าจะต้องเผชิญกับต้นทุนการผลิตต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้น อาทิ ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ และค่าขนส่ง เป็นต้น อย่างไรก็ดีจากการเข้าลงทุนในครั้งนี้ บริษัทมีความเชื่อมั่นว่า จะได้รับผลตอบแทนกลับมาในอัตราที่น่าพอใจให้กับทั้ง 2 ฝ่าย เพราะความรู้และเทคนิคการผลิตอาหารกุ้งของ ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จะเอื้อประโยชน์ให้อะแวนติ ฟีดมีโอกาสที่จะเติบโต และสร้างผลกำไรให้มากขึ้น ขณะที่ทียู เอฟเอง ก็จะนำประโยชน์ในเรื่องการเป็นเจ้าของตลาดของ อะแวนติ ฟีด มาขยายฐานการผลิตและตลาดสำหรับ สินค้าอาหารกุ้ง และขยายต่อเนื่องถึงสินค้าอาหารทะเลในประเทศอินเดีย" นายธีรพงศ์กล่าวสรุป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ