นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า เหตุที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงแรงกว่า 6% ในวันนี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลงแรงโดยเฉลี่ย 5% แต่ตลาดหุ้นไทยเปิดทำการในภาคบ่ายคาบเกี่ยวถึงช่วงที่ตลาดฝั่งยุโรปเปิดทำการแล้ว ทำให้ปรับตัวลดลงมากกว่าตลาดอื่น ๆ ที่ปิดทำการไปแล้ว
ปัจจัยตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวลดลงมาจากความกังวลผลกระทบจากปัญหาวิกฤติสถาบันการเงินในสหรัฐที่ลุกลามไปในจุดอื่น ๆ โดยเฉพาะยุโรป ที่เห็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่มีปัญหา ทำให้แม้ว่าสภาคองเกรสของสหรัฐจะผ่านแผน 7 แสนล้านดอลลาร์ออกมาแก้วิกฤติในประเทศ จึงยังเกิดความไม่เชื่อมั่นขึ้นว่าจะช่วยแก้ปัญหาในจุดอื่น ๆ ได้หรือไม่
นอกจากนั้น สาเหตุส่วนหนึ่งยังมาจากปัญหาการเมืองภายในประเทศที่เกรงว่าอาจจะเกิดเรื่องที่ทำให้สถานการณ์ไม่นิ่ง โดยเฉพาะเมื่อมีการจับกุมแกนนำคนสำคัญของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
นางภัทรียา กล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้ยังประเมินยาก เพราะความไม่มั่นใจทั้งหมดยังคงอยู่ โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดกับฝั่งยุโรป ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ ส่วนประเด็นฟอร์ซเซลในระยะนี้ ไม่ใช่ประเด็นที่เป็นนัยสำคัญต่อตลาดหุ้น เพราะปริมาณการซื้อขายทรัพย์ด้วยมาร์จิ้นมีไม่มาก อีกทั้งก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นก็ไม่ได้ขึ้นไปแรงจนทำให้เกิดการเข้ามาเก็งกำไรมากแต่อย่างใด
"เป็นเรื่องปกติที่เมื่อมีผลกระทบจากทั้งสหรัฐฯ และยุโรป ก็จะส่งผลทางจิตวิทยาต่อเอเชียและตลาดหุ้นไทยด้วย...คงจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แม้ว่าทางสหรัฐฯ ได้ใช้แผนในการกู้วิกฤติแล้ว แต่คงต้องรอดูผลกระทบจากสถาบันการเงินยุโรป จึงยังทำให้เกิดความกังวลอยู่ หากแก้ไขได้เร็วก็จะไม่ยืดเยื้อ" นางภัทรียา กล่าว
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาภายใต้ตลาดที่ปรับลงอย่างนี้ การถือหุ้นรับปันผลเป็นโอกาสที่ดี เพราะส่วนใหญ่ยังมีผลตอบแทนต่อเงินปันผลที่เฉลี่ย 4% แต่คงต้องถือในระยะยาว
นอกจากนี้ ตลาดฯจะมีการเดินทางร่วมกับกระทรวงการคลัง เพื่อไปประชุมรัฐมนตรีการคลังอาเซียน ในวันที่ 6-7 ต.ค.ที่ดูไบเพื่อพบผู้ลงทุนและกองทุน โดยจะไปนำเสนอในเรื่องของกองทุนอิสลาม และ Health care และพลังงาน ซึ่งเชื่อว่านักลงทุนจะให้ความสนใจและเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--