NWR คาดรายได้ปี 51 ทรงตัวเหตุไม่มีงานประมูลใหม่ แต่ยังเชื่อทำกำไรได้

          นายวัชรพัธ วัชราภัย ผู้จัดการทั่วไป แผนกธุรกิจใหม่และวางแผนกลยุทธ์ บมจ. เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" ว่า บริษัทปรับเป้าหมายรายได้ในปีนี้ลงมาอาจจะทรงตัวหรือใกล้เคียงกับปีก่อนจากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 3.96 พันล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์ วิกฤติการเงินสหรัฐ และความยืดเยื้อของรัฐบาลทำให้ไม่มีโครงการใหม่ออกมาประมูล 
          ดังนั้นรายได้ในปีนี้จะเป็นการงานเก่าจากปี 2551 ทั้งหมด ขณะเดียวกันงานที่ประมูลใหม่ในปีนี้มีจำนวนน้อยไม่ถึง 1 พันล้านบาทจากปกติที่จะต้องได้รับงานเฉลี่ย 3-4 พันล้านบาทต่อปี งานในต่างประเทศก็ยังไม่มีงานใหม่ด้วย 
          ทั้งนี้ในส่วนของกำไรในปีนี้เชื่อว่าในปีนี้น่าจะเห็นเป็นกำไร แต่คงไม่มากจากปีก่อนที่ขาดทุน 1.1พันกว่าล้านบาท แม้ในปีนี้จะเห็นกำไรที่มาจากหนี้สูญที่ได้คืนจากลูกค้าที่จะทยอยเข้ามาในครึ่งแรกที่ผ่านมาและจะเข้ามาอีกในครึ่งปีหลังแต่ก็ไม่สามารถทดแทนต้นทุนราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% ตั้งแต่ปลายปีก่อนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ปัจจุบันราคาน้ำมันจะปรับลดลงและทำให้ราคาเหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักปรับลดลงก็ตาม  
          อย่างไรก็ตาม จากต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้นบริษัทได้ปรับวิธีการทำงานด้วยการให้เจ้าของงานเป็นผู้ซื้อวัตถุดิบเองโดยเฉพาะโครงการใหม่และรายใหญ่ๆ ที่พร้อมจะดำเนินการ ซึ่งจะเป็นการช่วยบริษัทในแง่ลดความเสี่ยง ส่วนเจ้าของงานก็จะได้ COST ตามจริง แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังมีงานในมือกว่า 13,000 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
          "ยอมรับว่าตอนแรกผมคิดว่าในปีนี้รายได้จะดีกว่าปีก่อนแต่ดันมาเจอเหตุการณ์ที่ไม่คิดทั้งในเรื่องวิกฤติของสหรัฐอเมริกา ปัญหาการเมืองของเราเองอีกแม้จะได้นายกฯ แล้วแต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าจะอยู่นานแค่ไหนทำให้งานโครงการใหม่ที่จะออกมาน้อยและล่าช้า แล้วใครจะกล้าลงทุน แต่อย่างไรก็ตามก็ยังคงให้ความสำคัญหรือสัดส่วนงานราชการที่มากกว่าเอกชนอยู่เหมือนเดิม และก็รออย่างเดียว" นายวัชรพัธ กล่าว
          นายวัชรพัธ กล่าวต่อว่า แม้งานภาครัฐจะชะลองานใหม่ออกมาประมูลแต่บริษัทก็ยังคงให้น้ำหนัก ถึงตอนนี้เสถียรภาพจะไม่ดี และช้าแต่เครดิตงานราชการสูงกว่าเพราะได้รับงานแน่นอนถึงจะช้าก็ตาม 
          ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนงานภาครัฐ 75-80% งานเอกชน 10-15% ซึ่งงานเอกชนปัจจุบันได้รับบริหาร 1-2 รายเป็นงานก่อสร้างอาคาร และโรงงาน ขณะที่งานภาครัฐบริษัทยังดำเนินการทำตามปกติที่ได้รับมาแล้วประมาณ 20 โครงการเป็นงานโยธาส่วนใหญ่ รวมถึงงานเหมืองแม่เหมาะก็ยังดำเนินการตามปกติ