ตลาดหุ้นไทยต้นภาคบ่ายยังร่วงลงต่อเนื่องมาแตะระดับ 7% แล้ว ท่ามกลางปัจจัยลบรอบด้านที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงจากช่วงปลายภาคเช้าตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดทำการชั่วคราวหลังจากรูดหนักกว่า 10% จากนั้นในช่วงบ่ายตลาดหุ้นยุโรปเปิดทำการก็ปรับตัวลดลงอย่างมากอีกวันจากความกังวลปัญหาด้านเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นกับหลายประเทศในขณะนี้
ดัชนี SET เมื่อ 14.45 น.ปรับตัวลดลง 38.94 จุด มาที่ 489.77 จุด หรือ -7.37%
Fund Survery บล.ไซรัส ระบุวา มีโอกาสที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)จะประกาศใช้ Circuit Breaker โดยล่าสุด Euro Stoxx-50 ได้ปรับตัวลงแล้วกว่า 5% เนื่องจากตลาดโลกกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดสภาพคล่องอย่างหนัก พร้อมเปลี่ยนคำแนะนำจาก"ทยอยซื้อเมื่อ SET ต่ำกว่า 500 จุด" เป็น"หยุดรอดูแรงขายของ SET ที่ระดับ 480 จุดแล้วจึงค่อยพิจารณาการเข้าซื้อ"
สภาพคล่องการเงินของโลกตึงตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ TED Spread ยังอยู่ในระดับ 3.53% แม้จะลดลงเล็กน้อยหลังจาก FED อัดฉีดสภาพคล่อง และตั้งกองทุนเพื่อซื้อตราสารทางการเงิน และล่าสุด BoE เตรียมอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบอีก 2.5 แสนล้านปอนด์ แต่เราคาดว่าจากความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจที่ปรับตัวสูงขึ้นพิจารณาจาก Credit Default Swap ที่ปรับตัวสูงขึ้น จะช่วยลดความตื่นตระหนกได้ในระยะสั้น และจะกระทบการลงทุนในยุโรป และสหรัฐอย่างต่อเนื่อง
สภาพคล่องในเอเชียก็ตึงตัวมากที่สุดในรอบปี หลังจากอัตราดอกเบี้ย Inter-bank ทำจุดสุงสุดใหม่ นำโดย HIBOR-3M ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 4.148% สะท้อนว่าเอเชียก็กำลังประสบกับปัญหาการขาดแคลนสภาพคล่องอย่างหนัก และเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กองทุนหุ้นเร่งขายหุ้นเพื่อถือครองเงินสดมากขึ้น ไม่มีใครถือหุ้นเพราะถือแล้วมีแต่มูลค่าลดลง
นอกจากนี้ การ Force Sell ของตลาดหุ้นต่างๆ หลังจากดัชนีทั่วโลกปรับตัวลงอย่างหนัก และไทยเองก็ได้รับผลเช่นเดียวกัน อีกทั้งปัจจัยการเมืองสุ่มเสี่ยงต่อความรุนแรง และอาจยืดเยื้อไปจนถึงสุดสัปดาห์ ล่าสุดครึ่งเช้าต่างชาติยังคงขายสุทธิไปแล้วราว 1,465 พันล้านบาท พร้อมแนะนำให้"ถือเงินสด"
--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--