นายสุพัฒน์ ศรีธนาธร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการตลาด บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร(CPF)เชื่อว่า ในไตรมาส 4/51 ธุรกิจอาหารแช่แข็งและอาหารแปรรูปจะดีมาก เนื่องจากมียอดออเดอร์จากต่างประเทศในบางตลาดเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าหลังจากจีนมีปัญหาเรื่องสารปนเปื้อนในอาหาร รวมถึงสารเมลามีน ประกอบกับ ปกติแล้วในช่วงไตรมาส 4 ตลาดในประเทศเป็นช่วงไฮซีซั่น
ดังนั้น CPF จึงคาดว่าปีนี้ทั้งเครือจะทำรายได้ตามเป้าหมาย 1.5 แสนล้านบาทได้ไม่ยาก โดยธุรกิจอาหารแช่แข็งและอาหารแปรรูปจะทำรายได้ในสัดส่วน 6% ของรายได้รวม
"ไตรมาส 4 จะดีมากสำหรับเรา หลังจากไตรมาส 3 เป็นช่วงโลว์ซีซั่น และเรามีการปรับลดราคา 5-10%จากราคาป้าย เพื่อกระตุ้นยอดขายร่วมกับโมเดิร์นเทรด ส่วนสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจอาจทำให้คนชะลอการใช้จ่าย แต่อาหารถือเป็นปัจจัยจำเป็น เชื่อว่ายังมีการซื้อสูง" นายสุพัฒน์ กล่าว
สำหรับส่วนแบ่งตลาดอาหารแช่แข็งของซีพีจะเพิ่มขึ้นเป็น 28-30% ภายใน 6 เดือนหลังจากที่บริษัทเริ่มรุกตลาดเนื้อหมูแปรรูป จากเดิมมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 23% ทั้งนี้ มูลค่าตลาดอาหารแช่แข็งโดยรวมอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท
ปัจจุบัน สัดส่วนธุรกิจอาหารแปรรูปและอาหารแช่แข็งของบริษัท มาจากเนื้อไก่ 50% เนื้อหมู 30% และกุ้ง 20%
นายสุพัฒน์ กล่าวว่า ในปี 52 บริษัทจะรุกตลาดกุ้งแปรรูป และ กุ้งแช่แข็ง รวมทั้งเนื้อปลาแปรรูป ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่มากกว่า 10 เมนู ซึ่งจะส่งผลดีต่อตลาดส่งออก โดยเฉพาะสินค้ากุ้ง ที่มองว่าจะเป็นสินค้าที่ส่งออกสำคัญ และไม่มีประเทศใดห้ามการนำเข้า ขณะที่สินค้าของบริษัทผลิตตามารตรฐานได้คุณภาพ จึงไม่มีปัญหากับการส่งออก
ตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ โดยสินค้าที่ได้รับความนิยม เช่น เกี๊ยวกุ้ง เกี๊ยวหมู และ อาหารแปรรูปพร้อมรับประทาน
--อินโฟเควสท์ โดย สารภี สายะเวส/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--