นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของดัชนี SET ในวันนี้ขึ้นกับทิศทางของตลาดหุ้นฝั่งยุโรปเป็นหลัก แต่ยังถือว่าการปรับลดลงของตลาดหุ้นไทยยังดีกว่าตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียที่ต่างก็ร่วงลงอย่างแรงถ้วนหน้า ขณะที่ปัจจัยด้านการเมืองส่งแรงกดดันต่อดัชนี SET ราว 10%
"จากที่มองการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นในแถบเพื่อนบ้านเทียบกับไทยแล้วยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน โดยญี่ปุ่น ปิดลดลงไป 9% ฮ่องกง 8% สิงคโปร์ 6% อินโดนีเซียที่ลดลงไป 10% และตลาดหุ้นรัสเซียที่ปิดการซื้อขายเลย 2 วัน"นายวิเชฐ กล่าวกับผู้สื่อข่าว
ทั้งนี้ ตลท.ได้เตรียมมาตรการ Circuit Breaker เพื่อหยุดการซื้อขายชั่วคราวหากดัชนีร่วงลงไปแรงถึง 10% เพราะขณะนี้ยังมีแรงขายจำนวนมากและยังมีเวลาซื้อขายอีกกว่าจะปิดตลาด ซึ่งถือเป็นมาตรการปกติ โดยหากจำเป็นต้องใช้ในขณะนี้ก็จะทำให้ตลาดหุ้นต้องไปเปิดการซื้อขายอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ แต่หากรีบาวขึ้นมาได้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการดังกล่าว
นายวิเชฐ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม หากมองปริมาณซื้อขายที่เบาบาง ก็ยังเป็นข้อสงสัยว่าอาจเป็นพฤติกรรมของนักลงทุนที่ขายทิ้งโดยไม่สนใจราคา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเฮดฟันด์ รวมทั้งนักลงทุนไทยบางส่วนที่ต้องการ cut loss ซึ่งตรงนี้อาจทำให้มีแรงขายต่อเนื่องอยู่
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีมุมมองที่ดีเมื่อเทียบตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับการเมืองในประเทศด้วยที่ยังกดดันประมาณ 10% ปัจจัยการเมืองเมื่อเวลาตลาดหุ้นปรับดีขึ้น มันจะเป็นประเด็นที่ทำให้นักลงทุนมีความลังเลในการลงทุน ภายใต้วอลุ่มที่เบาบาง
นายสมบัติ นราวุฒิชัย นายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า ภาวะวิกฤติเศรษฐกิจของโลกถือเป็นตัวแปรสำคัญ 80% ของตลาดหุ้นไทย และยังมีประเด็นการเมืองในประเทศที่ยังกดดัน ซึ่งอาจทำให้มีโอกาสที่จะเห็นภาพดัชนี SET ร่วงลงไปอยู่ที่ 450 จุดได้
และประเมินว่าภายใต้การเมืองยังไม่จบ อาจทำให้เม็ดเงินต่างชาติที่ยังเหลืออยู่ในตลาดหุ้นราว 1.9 แสนล้านบาททยอยขายออกมาจนถึงปีหน้า แต่หากการเมืองคลี่คลาย ไม่ว่าจะเป็นการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่หรือแนวทางอื่น ก็น่าจะช่วยบรรเทาและกลายเป็นแรงพยุงตลาดหุ้นได้ แม้จะต้องใช้เวลาบ้างก็ตาม ก็จะทำให้แรงขายต่างชาติไม่ออกไปหมด
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--