ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ร่วมมือกับอีก 5 ธนาคารกลางทั่วโลกประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดกั้นเศรษฐกิจไม่ให้ถดถอยก็ตาม โดยนักลงทุนไม่มั่นใจว่าการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้จะสามารถยับยั้งภาวะถดถอยได้ นอกจากนี้ ตลาดได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากการแสดงความคิดเห็นในด้านลบของนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐ ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า อาจมีธนาคารพาณิชย์ล้มละลายเพิ่มขึ้นอีก
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 189.01 จุด หรือ 2.00% ปิดที่ 9,258.10 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 รูดลง 11.29 จุด หรือ 1.13% ปิดที่ 984.94 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 14.55 จุด หรือ 0.83% ปิดที่ 1,740.33 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 8.54 พันล้านหุ้น เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันอังคารที่ 6.84 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 3 ต่อ 1
เมื่อวานนี้ เฟด ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางอีก 4 ประเทศในยุโรปและแคนาดา ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยพร้อมกัน ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวฉุกเฉิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาผลกระทบของวิกฤตการเงินที่มีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
เฟด และ อีซีบี ร่วมกับธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางสวีเดน ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ และธนาคารกลางแคนาดา ตัดสินใจลดดอกเบี้ยพร้อมกันที่ระดับ 0.5% โดยแถลงการณ์ร่วมของ 6 ธนาคารกลางระบุว่า "วิกฤตการเงินที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงนี้ได้เพิ่มความเสี่ยงขาลงต่ออัตราการขยายตัว และจำกัดความเสี่ยงขาขึ้นที่มีต่อเสถียรภาพราคา ดังนั้น การบรรเทาสถานการณ์การเงินทั่วโลกจึงเป็นสิ่งที่พึงกระทำ"
ขณะที่ในอีกฝากหนึ่งของโลก ธนาคารกลางจีนได้ประกาศลดดอกเบี้ยลง 0.27% ด้านธนาคารกลางญี่ปุ่นซึ่งไม่ได้ลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ด้วยนั้น ก็ขานรับความเคลื่อนไหวของแบงก์ชาติเหล่านี้
ทั้งนี้ การตัดสินใจลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้น หรือ ดอกเบี้ยอ้างอิง (benchmark rate) ของเฟดปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1.5% ขณะที่ อีซีบี ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.75% ธนาคารกลางแคนาดาลงมาอยู่ที่ 2.5% ธนาคารกลางอังกฤษขยับลงมาอยู่ที่ 4.5% และธนาคารกลางสวีเดนลงมาอยู่ที่ 4.25%
สำหรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีน ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งที่สองในรอบ 3 สัปดาห์ จะลดลงมาอยู่ที่ 6.93%
นอกจากนี้ เฟดยังได้ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) หรืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เฟดเรียกเก็บจากธนาคารพาณิชย์ลงอีก 0.5% มาอยู่ที่ 1.75%
บิล ชัลท์ นักวิเคราะห์จาก McQueen, Ball & Associates กล่าวว่า ในช่วงเช้านั้นตลาดหุ้นนิวยอร์กขานรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ 6 ธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ของโลก โดยดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าการพร้อมใจลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้จะช่วยให้ภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อคลี่คลายลง และจะช่วยให้ภาคธุรกิจและผู้บริโภคสามารถเข้าถึงเงินกู้ได้ง่ายขึ้น
"แต่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกอยู่ไม่นาน ดัชนีก็เริ่มถอยร่นลงมาอยู่ในแดนลบเนื่องจากนักลงทุนเริ่มเทขาย หลังจากรมว.พอลสันแสดงความเห็นว่า ตลาดการเงินยังคงตึงตัว และอาจต้องใช้เวลาอีกหลายสัปดาห์กว่าที่มาตรการฟื้นฟูภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์จะใช้ได้ผล" ชัลท์กล่าว
หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกาปิดร่วง 7% ขณะที่หุ้นอัลโคซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมินัมรายใหญ่ของโลก ดิ่งลง 2 ดอลลาร์ ปิดที่ 14.71 ดอลลาร์ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากบริษัทเปิดเผลผลประกอบการไตรมาส 3 ลดลง
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--