ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทรุดตัวลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (8 ต.ค.) เนื่องจากกระแสความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งความกังวลดังกล่าวได้บดบังข่าวดีที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษได้จับมือร่วมกับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 238.5 จุด ปิดที่ 4366.7 จุด
เจสเปอร์ ครูเกอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท ATP ในเมืองโคเปนเฮเก้น กล่าวว่า เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางอังกฤษร่วมกับเฟด อีซีบี ธนาคารกลางสวีเดน ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ และธนาคารกลางแคนาดา ตัดสินใจลดดอกเบี้ยพร้อมกันที่ระดับ 0.5% เพื่อยับยั้งเศรษฐกิจไม่ให้ถดถอย
นักลงทุนมีท่าทีตื่นตระหนกหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า ธนาคารชั้นนำหลายแห่งทั่วโลกอาจต้องการเงินทุนอีก 6.75 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงหลายปีข้างหน้า เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นจากวิกฤตสินเชื่อที่เริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ที่ดีขึ้นบ้างแล้ว
IMF ได้ปรับเพิ่มประมาณการณ์ตัวเลขขาดทุนที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์และเงินกู้อสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐสู่ระดับ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่ประมาณการณ์ไว้ในระดับ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ในเดือนเม.ย. ไอเอ็มเอฟคาดว่า ยอดขาดทุนจะอยู่ที่ 9.45 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
"สถานการณ์ตึงเครียดในระบบการเงินทั่วโลกอาจทำให้เศรษฐกิจโลกเผชิญช่วงขาลงแบบฝังรากลึกและฟื้นตัวได้ยาก ซึ่งความเสี่ยงจะเกิดขึ้นเป็นวัฎจักรระหว่างระบบการเงินและเศรษฐกิจที่เผชิญภัยคุกคามเป็นวงกว้าง" รายงานระบุ
หุ้นธนาคาร HSBC ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 2.5% หุ้นรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ ดิ่งลง 0.8% และหุ้นธนาคารลอยด์ ทีเอสบี ดิ่งลง 6.9% หลังจากข้อมูลจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กบ่งชี้ว่า ธนาคารเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์, รอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ (อาร์บีเอส) และธนาคารบาร์เคลย์ส มีหนี้สินที่รอการชำระเป็นวงเงินสูงสุดในรอบ 10 ปี เนื่องจากภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ต้นทุนการระดมทุนปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ต้องการเก็บเงินสดไว้ในคลังสำรอง หลังจากเกิดภาวะสินเชื่อตึงตัวซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตซับไพรม์ในสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว โดยอัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงค์สกุลเงินดอลลาร์ประเภท 3 เดือนในตลาดลอนดอน (LIBOR) พุ่งขึ้นแตะระดับ 4.32% จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 2.64%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--