ภาวะตลาดหุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้านี้อ่อนลง ระหว่างเทรดอาจรีบาวน์เล็กน้อยตามตลาดภูมิภาค

          น.ส.จิตรา อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะยังอ่อนตัวลงอยู่ แต่ในระหว่างเทรดอาจรีบาวน์ได้ เนื่องจากตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะมีการเด้งขึ้นมาบวกเล็กน้อย โดยตลาดฯยังให้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้น แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)จะมีการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน  แต่มองว่าตลาดฯไม่ได้ตอบรับเท่าไร อย่างดาวโจนส์ก็ยังคงปรับตัวลง
          "ช่วงที่มีปัญหาซับไพร์มทางเฟดก็ได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบมาก ทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลงอยู่แล้ว ดังนั้นการที่เฟดมาประกาศลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน ก็เป็นแค่การประกาศให้รับรู้กันทั่วหน้าเท่านั้น มันไม่ได้มีผลต่อตลาดฯมากนัก เนื่องจากเวลานี้ทุกคนต่างรอดูว่ามาตรการฟื้นฟูฯวงเงิน 7 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ จะเข้าไปรับซื้อสินทรัพย์ที่ราคาตรงไหนมากกว่า เพราะถ้าเสนอซื้อถูกคนขายก็ไม่อยากขาย ถ้าเสนอซื้อแพงคนซื้อก็คงจะไม่ต้องการ"น.ส.จิตรา
          ส่วนประเด็นทางการเมืองไทยมองว่าเป็นผลกระทบแค่ช่วงสั้น และคาดหวังว่าน่าจะจบได้โดยไม่ยืดเยื้อ แต่ตลาดฯให้น้ำหนักหลักไปที่ต่างประเทศมากกว่า
          พร้อมให้แนวรับ 470 จุด แนวต้าน 517 จุด
          ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :  
          - ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(8 ต.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 9,258.10 จุด ลดลง 189.01 จุด(-2.00%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 984.94 จุด ลดลง 11.29 จุด(-1.13%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 1,740.33 จุด ลดลง 14.55 จุด (-0.83%)  
          - นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,922.07 ล้านบาทเมื่อวานนี้
          - ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้ที่ 88.95 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.11 ดอลลาร์หรือ 1.23% 
          - ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)นำลดดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.5% ประสานธนาคารกลางทั่วโลกลดดอกเบี้ย ขณะที่ธปท.คงดอกเบี้ยนโยบาย 3.75%
          - ททท.เผย 10 ประเทศเตือนนักท่องเที่ยวห้ามมาไทย หลังจากใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุม ผู้ประกอบการหวั่นความตึงเครียดทางการเมืองยืดเยื้อเกินสัปดาห์ มีสิทธิยกเลิกจองทัวร์ -โรงแรมแน่นอน ขณะที่สภาพคล่องเริ่มมีปัญหา ด้านการบินไทย ประกาศลดเที่ยวบินเส้นทางภูมิภาคลง 10%  วิกฤติสหรัฐ-การเมืองพ่นพิษ ระบุหากไม่สำเร็จอาจต้องลดพนักงาน
          - รัฐบาลเร่งใช้นโยบายการคลังและนโยบายการเงินเข้ามา ประคับประคองเศรษฐกิจ โดยในส่วนของนโยบายการคลังมีแผนจะออกพันธบัตรมูลค่า 5 แสนล้านบาท โดยจะบรรจุวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเร่งด่วน หลังการแถลงนโยบายของรัฐบาลเสร็จสิ้นไปแล้ว
          - สหภาพฯ ร.ฟ.ท.ต้องการเรียกร้องให้รัฐบาลใช้วิธีสันติในการสลายการชุมนุม และหากยังคงใช้ความรุนแรงอีก สมาชิกสหภาพฯ จะหยุดให้บริการเดินรถไฟทั่วประเทศทันที
          - สมาคมนักวิเคราะห์ประเมินวิกฤติการเงินครั้งนี้หนักกว่าแบล็คมันเดย์ หลายโบรกเกอร์หั่นดัชนีเหลือ 464 จุด ระบุต่างชาติพร้อมขายเงินลงทุนในหุ้นปี 2005 อีก 1.9 แสนล้านบาท หากวิกฤติการเงินยังไม่ดีขึ้น ด้านนายก บลจ.ชี้วิกฤติการเงินโลก ผสมโรงการเมืองเดือด ซ้ำเติมหุ้นรูดหนัก เรียกร้องยุติปัญหาการเมืองภายในประเทศโดยเร็ว ด้านแบงก์กรุงเทพระบุบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าหากต่างชาติยังกระหน่ำขายไม่หยุด
          - ไอเอ็มเอฟ ปรับเพิ่มตัวเลขขาดทุนซับไพร์ม เป็น 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ เหตุมูลค่าผิดนัดชำระหนี้พุ่ง พร้อมประเมินแบงก์ใหญ่ต้องระดมทุนให้ได้ 6.75 แสนล้านดอลลาร์ช่วง 5 ปีข้างหน้า เพื่อทำงบบัญชีให้แกร่ง ช่วยเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากวิกฤติ ขณะที่หุ้นสหรัฐดิ่งฉุดมูลค่าเงินลงทุนจากการออมเพื่อวัยเกษียณของคนอเมริกัน วูบ 2 ล้านล้านดอลลาร์
          - อธิการบดี 30 สถาบันหวั่นเกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีกภายใน 1-2 วันนี้ เสนอนายกฯยุบสภาลดดีกรีความขัดแย้ง โดยต้องทำภายใน 2 วัน 
          - เฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐ ระบุว่า แม้สหรัฐใช้มาตรการฟื้นฟูภาคการเงินเพื่อซื้อหนี้เสียของสถาบันการเงิน แต่ก็อาจมีธนาคารอีกหลายแห่งล้มละลาย พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดทนและไม่ตื่นตระหนก