(เพิ่มเติม) MCOT มีแผนประกาศผังรายการปี 52 ต้นพ.ย.นี้เพิ่มบันเทิงเป็น 35% จาก30%

          บมจ.อสมท. (MCOT) เผยบริษัทมีแผนจะประกาศผังรายการปี 52 ในช่วงต้นเดือนพ.ย. เน้นเพิ่มรายการบันเทิงเป็น 35% จาก 30% ในปีนี้ และจะมีรายการเรียลลิตี้โชว์อีกไตรมาสละ 1-2 รายการ   ส่วนรายการเดอะสตาร์ และ AF5 ช่วยให้รายได้จากธุรกิจทีวี ในครึ่งปีแรกเติบโตกว่า 47%
          นายเขมทัตต์ พลเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด MCOT เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ราวต้นเดือน พ.ย. นี้ จะประกาศผังรายการปี 52 ซึ่งจะเน้นรายการบันเทิง เพิ่มขึ้นเป็น 35% จาก 30% ในช่วงสิ้นปี 51 ที่เหลือเป็นรายการข่าวและรายการที่เป็นสาระ
          ทั้งนี้ MCOT มีแผนจะนำรายการเรียลลิตี้มาออกอากาศทุกไตรมาสๆ ละ 1-2 รายการ หลังจากรายการประเภทนี้ประสบความสำเร็จมาแล้วทั้งในแง่การสร้างความจดจำและเรทติ้ง 
          เมื่อตอนต้นปี MCOT มีรายการเดอะสตาร์ ที่ออกอากาศในช่วงไตรมาส 1-ไตรมาส 2, รายการทรู อคาเดมี่ แฟนเทเชีย ซีซั่น 5 (AF5) ซึ่งออกอากาศช่วงไตรมาส 2-ไตรมาส 3 และพอมาไตรมาส 3 ถึงปัจจุบันมีรายการ Superstar ซึ่งคาดว่าจะจบรายการราว พ.ย.ก็จะมีรายการเรียลลิตี้การประกวดร้องเพลงของ KPN มาออกอากาศแทน
          นายเขมทัตต์ กล่าวว่า สำหรับรายการเดอะ สตาร์ และ ทรู อะคาเดมี่ แฟนเทเชีย ปีหน้าก็จะยังมีอยู่ โดยได้รับการยืนยันจากเจ้าของรายการแล้ว
          "เรารู้ว่าเราทำละครไม่เก่ง สู้ช่องอื่นๆ ไม่ได้ แต่ตั้งแต่เราเอาเรียลลิตี้มาออกอากาศ ไม่ว่าจะเป็นเดอะสตาร์ และ AF มาปรากฎว่าบางช่วงเรทติ้งชนะละครของช่องอื่นด้วยซ้ำไป"นายเขมทัตต์ กล่าว
          นายเขมทัตต์ กล่าวถึงรายการข่าวว่า คงจะยังไม่มีการเพิ่มรายการเกี่ยวกับข่าว แต่คงจะมีการปรับเล็กน้อยเรื่องเวลาออกอากาศ และบุคคลากรด้านงานข่าวให้มีคุณภาพ ซึ่งปัจจุบันรายการของ MCOT ก็ไม่แพ้ใครอยู่แล้ว
*คงเป้ารายได้ปี 51 ที่ 4 พันลบ.
          นายเขมทัตต์ กล่าวว่า สำหรับรายได้ปีนี้คาดว่าจะทำได้ตามเป้าที่ 4 พันล้านบาท โดยจะมาจากโทรทัศน์ ประมาณ 2.6 พันล้านบาท วิทยุ ประมาณ 800 ล้านบาท ส่วนที่เหลือมาจากรายได้อื่นๆ ถึงแม้ว่ารายได้ไตรมาส 3 อาจจะออกมาไม่ดี เนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่น แต่ก็จะไปเร่งเครื่องเอาตอนไตรมาสสุดท้ายด้วยรายการข่าว สาระ และบันเทิงตามที่กล่าวมาข้างต้น
          ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกรายได้จากโทรทัศน์ โตขึ้นกว่า 47% 
          "ยอมรับว่ารายได้ของเราไม่นิ่ง สาเหตุหลักมาจากไม่มีรายการบันเทิงเหมือนกับช่องอื่นๆ อีกทั้งเพิ่งปรับตัวมาจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ เรื่องของระบบการบริหารจัดการแบบเอกชนยังทำได้ไม่ดีนัก บุคคลากรก็ไม่ค่อยเชี่ยวชาญเรื่องธุรกิจ คงจะต้องใช้เวลาปรับตัวอีกระยะหนึ่ง แต่ก็จะพยายามทำให้รายได้ปีนี้เป็นไปตามเป้าที่ 4 พันล้านบาท"นายเขมทัตต์ กล่าว