นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดอนุพันธ์ร่วมมือกับ บจก. สำนักหักบัญชี (ประเทศไทย) ในการส่งเสริมการซื้อขาย SET50 Index Options ด้วยการให้ส่วนลดค่าธรรมเนียมการซื้อขาย (Trading Fee) และค่าธรรมเนียมการชำระหนี้ (Clearing Fee) ให้แก่ผู้ลงทุนและบริษัทสมาชิกในอัตราร้อยละ 50 โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 ไปจนถึงสิ้นปี 2552
"ตลาดอนุพันธ์เชื่อมั่นว่าแผนการส่งเสริมการซื้อขาย SET50 Index Options ทั้งหมด จะช่วยให้ผู้ลงทุนมีความมั่นใจในการซื้อขาย SET50 Index Options ยิ่งขึ้น และทำให้การซื้อขายมีสภาพคล่องมากขึ้น" นางเกศรา กล่าว
ตลาดอนุพันธ์ยังมีแผนจะปรับปรุงการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวกับการซื้อขาย SET50 Index Options โดยตลาดอนุพันธ์จะหารือและสำรวจความคิดเห็นจากสมาชิกและผู้ลงทุน เพื่อพิจารณาถึงปัจจัยที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการซื้อขาย SET50 Index Options โดยจะทบทวนทั้งในเรื่องลักษณะของสัญญา หรือที่เรียกว่า Contract Specification กฎเกณฑ์ต่าง ๆ รวมถึงปรับปรุงแนวทางการให้ความรู้แก่ผู้ลงทุน โดยเน้นการประยุกต์ใช้ในการซื้อขายจริง ๆ
แม้ว่าที่ผ่านมาการซื้อขายออปชั่นในตลาดอนุพันธ์ยังไม่เป็นที่นิยมมากเท่าที่ควร แต่ปริมาณธุรกรรมในปี 2551 นั้นมี การเติบโตสูงพอควร แม้ว่าสภาพตลาดและปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ไม่เอื้ออำนวยต่อการซื้อขายเท่าใดนัก โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2551 ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเท่ากับ 7,191 สัญญาต่อวัน หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,737.52 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งปริมาณการซื้อขายดังกล่าวเพิ่มขึ้นร้อยละ 62.56 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งปริมาณการซื้อขายส่วนใหญ่เป็นการซื้อขาย SET50 Index Futures โดยวันนี้ (9ต.ค.) ตลาดอนุพันธ์มีสถิติปริมาณการซื้อขายต่อวันสูงสุดที่ 19,278 สัญญา
ณ สิ้นเดือนกันยายน 2551 สัดส่วนการซื้อขายของผู้ลงทุนทั่วไปมีสัดส่วนประมาณ ร้อยละ 55 ขณะที่การซื้อขายของผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 25 และ 20 ตามลำดับ ในส่วนของจำนวนบัญชีซื้อขายอนุพันธ์นั้น มีบัญชีซื้อขายอนุพันธ์รวมทั้งสิ้น 13,320 บัญชี เพิ่มขึ้นร้อยละ 74.48 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สำหรับบริษัทสมาชิกที่ซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บจก. ทรีนีตี้ โพลาริส ฟิวเจอร์ส ร้อยละ 13.57 บมจ. หลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ร้อยละ 12.15 บมจ. หลักทรัพย์ ฟิลลิป(ประเทศไทย) ร้อยละ 10.38 บมจ. หลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) ร้อยละ 9.89 และ บมจ. หลักทรัพย์ ซีมิ
โก้ ร้อยละ 5.34
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--