(เพิ่มเติม) CENTEL หันมองตลาดใหม่ทดแทนสหรัฐ-ยุโรป/คาดรายได้โตต่อเนื่อง Q3 ถึงปี 52

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 13, 2008 12:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ.โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา (CENTEL) ระบุว่ารายได้ธุรกิจโรงแรมในไตรมาส 3/51 ยังเติบโตได้ถึง 15-20% จากไตรมาส 3/50 และยังไม่เห็นแนวโน้มผลกระทบจากวิกฤติการเงินโลกที่จะทำให้ยอดจองห้องล่วงหน้าลดลงในช่วงปลายปีนี้จนถึงต้นปี 52 แต่บริษัทก็มองแนวทางที่จะตั้งรับสถานการณ์ด้วยการหันไปทำตลาดอื่น ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะในแถบเอเชีย เพื่อทดแทนนักท่องเที่ยวในสหรัฐและยุโรปที่คาดว่าจะชะลอตัวลง
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 52 ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 9 พันล้านบาท จากในปีนี้ที่คาดว่าจะทำรายได้ 8.2 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีแผนจะเปิดโรงแรมเพิ่มอีก 5 แห่ง และเตรียมจะขยายขนาดของกองทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นอีก ส่วนกลุ่มเลห์แมน บราเธอร์ส ที่ถือหุ้นอยู่ในโรงแรม 2 แห่ง ที่จ.ภูเก็ตนั้น คาดว่าทางเลห์แมนฯ จะเข้ามาเจรจาขายหุ้นคืนให้กับบริษัทภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า
นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายบริหารและการเงิน CENTEL เปิดเผยว่า จากปัญหาวิกฤตทางการเงินในสหรัฐฯ ยอมรับว่า ทำให้บริษัทฯ จะตัดสินใจลงทุนหรือขยายงานอย่างระมัดระวังมากขึ้นทั้งภายใต้การใช้เงินบริษัทหรือเงินกองทุนอสังหาฯ ที่บริษัทฯ นำเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ถึงแม้ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบต่อการยกเลิกการเข้าพักของโรงแรมในเครือทั้งที่ภูเก็ต สมุย กระบี่ ซึ่งต่างมียอดจองล่วงหน้าตั้งแต่ปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้ากว่า 80% ส่วนโรงแรมที่หัวหินได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากปัญหาดังกล่าว ทำให้ยอดจองที่พักยังไม่เต็มทั้งๆที่เป็นช่วง High Season แต่อย่างไรก็ตามลูกค้าของหัวหินส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชาวไทย เชื่อว่าลูกค้ากลุ่มนี้จะเข้ามาช่วยไม่ให้ตลาดหัวหินซบเซาจนเกินไป
ทั้งนี้ จากปัญหาดังกล่าวน่าจะเห็นผลกระทบในไตรมาส 4 ปี 51 ถึงต้นปี 52 แต่หากสามารถสร้างรายได้ในไตรมาส 4 ปี 51 ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว แต่ในส่วนของรายได้ไตรมาส 3 ปี 51 โดยเฉพาะรายได้ในธุรกิจโรงแรมเพิ่มขึ้น 15-20% จาไตรมาส 3 ปี 50 เนื่องจากปีนี้มีการรับรู้รายได้จากโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ ที่ตั้งอยู่ภายในเซ็นทรัลเวิลด์ โดยเดือน ก.ย.มีรายได้เข้ามา 68 ล้านบาท มากกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ในตอนแรกที่ 40 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนขยายกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา (CTARAF) เป็น 1 หมื่นล้านบาทในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่กองทุนมีขนาด 3.2 พันล้านบาท
นายรณชิต กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการเติบโตของบริษัทในปี 52 จะเติบโตได้ในระดับ 9 พันล้านบาท จากปีนี้ที่ 8.2 พันล้านบาท โดยมาจากธุรกิจอาหาร 4 พันล้านบาท และที่เหลือมาจากธุรกิจโรงแรม ถึงแม้ในปีหน้าน่าจะเห็นภาพถึงผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกบ้าง โดยปัจจุบันเลห์แมนฯ เข้าถือหุ้นในโรงแรมเซ็นทารา กะรน รีสอร์ท ภูเก็ต และเซ็นทารา กะตะ รีสอร์ท ในสัดส่วนแห่งละ 48% ซึ่งบรืษีทพร้อมเจรจา หากเลห์แมนฯ ต้องการขายออกมา โดยคงจะเจรจาใน 2-3 เดือนข้างหน้า เพราะยังเป็นช่วง High Season ทางกลุ่มเลห์แมนฯ อาจจะยังต้องการถือครองไว้
ด้านนายเกิร์ด เคิร์ด สตีบ ประธานกรรมการ ฝ่ายการตลาด เซ็นทารา กล่าวว่า จากปัญหาวิกฤตในสหรัฐที่ลามไปถึงยุโรป ทำให้บริษัทฯ มีแผนขยายตลาดใหม่ๆ มากขึ้น ทั้งตะวันออกกลาง อินเดีย และรอบๆ เอเชีย จากเดิมที่จะขยายตลาดในยุโรปและสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะเห็นการขยายตลาดในปีหน้า จะมีสัดส่วนอย่างน้อย 25-35% จากปัจจุบันที่ไม่ถึง 10% โดยเฉพาะประเทศอินเดียซึ่งมีกำลังซื้อสูง
นอกจากนี้ยังมีแผนการลงทุนในปี 52 ที่จะเปิดโรงแรม 5 แห่ง รวมเม็ดเงินลงทุน 2.8-2.9 พันล้านบาท ประกอบด้วยพัทยา กับ มัลดีฟ (ลงทุนเอง) ส่วนที่หัวหิน สมุยอีก 2 แห่ง และขอนแก่น จะเป็นการรับบริหาร

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ