โฆษกอัยการสูงสุด แถลงว่า คณะทำงานอัยการจะไม่สั่งฟ้องคดีปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น(SC) ตามข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยจะส่งความเห็นดังกล่าวกลับไปให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) พิจารณาอีกครั้งว่าเห็นพ้องกันหรือไม่
ทั้งนี้ หาก DSI เห็นพ้องกับคณะทำงานอัยการฯ ก็จะไม่มีการสั่งฟ้องคดีนี้ทันที แต่หากไม่เห็นด้วยและยังคงยืนยันว่าจะต้องสั่งฟ้องคดี SC ก็จะต้องส่งเรื่องกลับมาให้อัยการสูงสุดเป็นผู้พิจารณาชี้ขาดอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
อนึ่ง ผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าว ได้แก่ บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชะน(SC), นางบุญดา ดามาพงษ์ , พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา
นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า แนวทางการพิจารณาคดีนี้หลังจากเลื่อนสั่งคดีมาหลายรอบ เนื่องจากต้องรอเอกสารจากต่างประเทศ แต่แม้ว่าข้อมูลที่ได้รับจาก DSI จะไม่ครบถ้วนเพราะมีเฉพาะข้อมูลเอกสารจากประเทศมาเลเซียแต่ไม่มีของสิงคโปร์ก็ตาม คณะทำงานอัยการสูงสุดก็เห็นว่ามีข้อมูลในระดับที่เพียงพอจะสามารถสั่งคดีได้แล้ว
ส่วนประเด็นหลักที่เห็นว่าไม่สั่งฟ้องคดี เนื่องจากแนวทางการเสนอขายหุ้นของ SC ในขณะนั้นเมื่อเทียบกับแนวทางการขายหุ้นของบริษัทอื่นๆ ก็ไม่ได้แตกต่างกัน รวมถึงกรณีที่มองว่ามีการปกปิดข้อเท็จจริงนั้น แท้จริงแล้วการขายหุ้นได้ทำโดยฐานะของกองทุน ซึ่งดำเนินการแทนจำเลย และกองทุนได้แจ้งข้อมูลตามปกติของขั้นตอนที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดไว้ ซึ่งหากจะมองว่าเป็นการกระทำในลักษณะของตัวแทนหรือนอมินีหรือไม่นั้น เนื่องจากไม่มีกฎหมายมาบังคับใช้กับกรณีนี้ ดังนั้น จึงไม่สามารถจะถือเป็นความผิดได้
อนึ่ง คดีนี้พนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีเฉพาะข้อกล่าวหาตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 เท่านั้น ส่วนความผิดฐานอื่นตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ.2543 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้แยกไปดำเนินการต่างหาก ซึ่งในชั้นนี้คณะทำงานอัยการจึงไม่วินิจฉัยในข้อหาดังกล่าว