นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ บลจ.ไอเอ็นจี สามารถระดมเงินลงทุนในกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ฟันด์ ได้ครบจำนวนตามเงื่อนไขแรกที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดไว้ คือ ภายในวันที่ 17 ตุลาคม 2551 โดยบริษัทอยู่ระหว่างการยื่นหนังสือขอให้ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ นำเงินมาลงทุนเพิ่มในสัดส่วน 1/3
“ในวันนี้นับได้ว่า บลจ.ไอเอ็นจี เป็นบริษัทจัดการกองทุนรายแรกที่สามารถระดมเงินใส่ในกองทุนแมทชิ่งฟันด์ได้ตามเงื่อนไขแรกแล้ว เหลือแต่รอเงินที่ตลาดหลักทรัพย์จะใส่เข้ามาสมทบอีก 1/3 เท่านั้น ซึ่งคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าคงจะเรียบร้อย "นายจุมพล กล่าว
ส่วนเม็ดเงินที่กองทุนจะต้องระดมทุนเข้ามาอีกในรอบต่อไป และตลาดหลักทรัพย์ฯ จะใส่เข้ามาอีก 1/3 จนครบตามเป้าหมายคาดว่าจะเรียบร้อยภายในสิ้นปีนี้แน่นอน และสาเหตุที่เราทำได้ตามเกณฑ์กำหนด เนื่องจากเรามีกลุ่มนักลงทุนทั้งสถาบันและบุคคลทั่วไปที่เชื่อมั่นในผลงานการบริหารกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ฟันด์ ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างดีภายใต้การบริหารความเสี่ยงที่มีมาตรฐานระดับสากล
สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย อีควิตี้ฟันด์ จะมุ่งเน้นลงทุนในตราสารทุนที่มีปัจจัยพื้นฐานและผลประกอบการดี และมีแนวโน้มการเจริญเติบโตในอัตราสูงไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ซึ่งเหมาะกับนักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนที่สูง และสามารถรับความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหุ้นได้
นายจุมพล กล่าวต่อว่า การจัดตั้งกองทุนแมทชิ่งฟันด์ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้ นับว่าเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุน โดยเฉพาะในช่วงที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีการปรับตัวลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และต่ำกว่ามูลค่าปัจจัยพื้นฐาน
“ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันถือว่ามีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน จึงนับว่าเป็นจังหวะการลงทุนที่เหมาะสม และเราก็เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐาน และผลประกอบการดี อัตราการเติบโตสูง ซึ่งน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี
ดังนั้น จึงเชื่อมั่นว่านักลงทุนจะให้ความสนใจที่จะลงทุนในกองทุนนี้ เนื่องจากภาวการณ์ลงทุนในขณะนี้เอื้อต่อการลงทุน และการบริหารจัดการที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มไอเอ็นจีในรูปแบบ Active Management Style ซึ่งเป็นการบริหารจัดการลงทุนในหุ้นด้วยทีมงานผู้จัดการกองทุนในลักษณะการวิเคราะห์และคาดการณ์ภาวะตลาดในอนาคต เพื่อมุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์เป็นสำคัญ" นายจุมพล กล่าว