ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 401.35 จุดหลังราคาน้ำมันร่วงหลุด $70

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 17, 2008 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (16 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นอย่างคึกคักหลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงต่ำกว่าระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายค่อนข้างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา รวมถึงข้อมูลภาคการผลิตและยอดค้าปลีก

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 401.35 จุด หรือ 4.68% แตะที่ 8,979.26 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 38.59 จุด หรือ 4.25% แตะที่ 946.43 จุ และดัชนี Nasdaq ปิดบวก 89.38 จุด หรือ 5.49% แตะที่ 1,717.71 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.99 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 3.34 พันล้านหุ้น

วู๊ดดี้ ดอร์ซีย์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Market Semiotics กล่าวว่า "ดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ร่วงลงอีก 4.69 ดอลลาร์ แตะที่ 69.85 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบและเบนซินพุ่งขึ้นเกินความคาดหมาย ซึ่งราคาน้ำมันที่ร่วงลงช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ"

"อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ และการแสดงความคิดเห็นในด้านลบของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยในระหว่างวันตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนักและเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบอยู่ระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะได้รับแรงซื้อเข้าหนุนจนดัชนีทะยานขึ้นปิดในแดนบวก" ดอร์ซีย์

เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวสุนทรพจน์ที่สมาคมเศรษฐกิจในกรุงวอชิงตันเมื่อวานนี้ว่า มาตรการฟื้นฟูเสถียรภาพในตลาดการเงินและคลี่คลายวิกฤตสินเชื่อที่รัฐบาลสหรัฐนำมาใช้นั้น อาจยังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีดตัวขึ้นในทันที เบอร์นันเก้ยังกล่าวด้วยว่า "นโยบายการเงินเพียงอย่างเดียวไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐได้ แต่เฟดจะยังคงใช้เครื่องมือทุกอย่างที่มีในการกระตุ้นตลาดให้ทำงานตามกลไกปกติและกระตุ้นสภาพคล่องให้หมุนเวียนอย่างเพียงพอ ผมเชื่อว่าวิกฤตสินเชื่อจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อนักลงทุนและภาคเอกชนกลับมามีความเชื่อมั่นเหมือนเดิม"

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ร่วงลง 1.2% แตะระดับ 3.755 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีพ.ศ.2548 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับลงเพียง 0.7% ขณะที่เฟดเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมการผลิตของโรงงาน ในเขตมิด-แอตแลนติกร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 18 ปีในเดือนนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐเสี่ยงที่จะถดถอยลงเร็วกว่าที่ประเมินไว้ในเบื้องต้น

ทั้งนี้ หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 2% หลังจากธนาคารเปิดเผยตัวเลขทุนสุทธิ 2.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 60 เซนต์ต่อหุ้นในไตรมาสสาม เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ธนาคารมีกำไร 2.2 พันล้านดอลลาร์ หรือหุ้นละ 44 เซนต์ อย่างไรก็ดี ตัวเลขขาดทุนไตรมาส 3/51 ยังดีกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่บลูมเบิร์กได้สำรวจความคิดเห็นว่า ซิตี้กรุ๊ปจะขาดทุน 3.8 พันล้านดอลลาร์

ส่วนหุ้นยาฮูพุ่งขึ้น 10.6% และหุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 6.8%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ