นายณอคุณ สิทธิพงษ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการ บมจ.ปตท.(PTT)เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการฯ ได้หารือกันถึงการจัดหาก๊าซธรรมชาติ โดยเตรียมเสนอคณะกรรมการปิโตรเลียมให้เพิ่มกำลังผลิตจากแหล่งบงกชใต้ ซึ่งอยู่ภายใต้สัมปทานสำรวจของบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)
เนื่องจากพบว่าแหล่งดังกล่าวมีปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติประมาณ 1 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต และในวันพรุ่งนี้(21 ต.ค.)จะมีการประชุมคณะกรรมการเชื้อเพลิงเพื่อหารือถึงปริมาณก๊าซธรรมชาติในแหล่งนี้
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ยังมีความกังวลเรื่องการนำเข้าก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)ที่คาดว่าในปีนี้จะต้องนำเข้าถึง 10,000 ล้านบาท ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับราคาในตลาดโลกด้วย โดยปัจจุบันมีการนำเข้าแล้วประมาณ 5,700 ล้านบาท แต่ถือเป็นเรื่องดีที่ราคาก๊าซแอลพีจีในตลาดโลกเริ่มปรับตัวลดลง โดยราคาลงมาอยู่ที่ระดับ 700-800 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากช่วงที่ผ่านมาขึ้นไปถึง 900 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงเดือนหน้าจะต้องมีการนำเข้าจำนวนมากเนื่องจากจะมีโรงกลั่นน้ำมันหลายโรงที่ต้องหยุดเดินเครื่อง แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการขาดแคลนอย่างแน่นอน
ประธานคณะกรรมการฯ ยืนยันว่า รัฐบาลจำเป็นต้องปรับโครงสร้างราคาก๊าซแอลพีจีเป็น 2 ราคา คือ ราคาสำหรับภาคขนส่งและอุตสาหกรรม และราคาในครัวเรือน เพื่อที่จะได้นำเงินส่วนต่างมาชดเชยให้กับ ปตท.
ด้าน นายคุรุจิต นาครทัพ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ คาดการณ์ว่า แหล่งบงกชใต้จะสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้ในเดือน พ.ย.2554 ซึ่งได้รับการยืนยันจากผู้พัฒนาแหล่งก๊าซแล้ว โดยจะสามารถผลิตได้ประมาณวันละ 300-320 ล้านลูกบาศก์ฟุต
ปัจจุบัน แหล่งบงกชเหนือสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้ประมาณวันละ 630 ล้านลูกบาศก์ฟุต และคาดว่าจะมีปริมาณสำรองประมาณวันละ 5 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต นอกจากนี้จะมีการสำรวจหาปริมาณก๊าซธรรมชาติในแหล่งบงกชใต้เพิ่มเติม