(เพิ่มเติม) SCB เผย Q3/51 กำไรสุทธิลดเหลือ 4.83พันลบ.หลังขาดทุนเงินลงทุนตปท.-ในปท.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 20, 2008 19:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/51 สิ้นสุด 31 ก.ย.51 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 4,825 ล้านบาท ลดลง 9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/50 และลดลง 17% จากไตรมาส 2/51

ธนาคารมีกำไรสุทธิไม่นับรวมกำไรหรือขาดทุนจากเงินลงทุนอยู่ที่ 5,796 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 3/50 อยู่ที่ 5,202 ล้านบาทและไตรมาส 2/51 อยู่ที่ 5,775 ล้านบาท แต่ในไตรมาสนี้ธนาคารได้ตัดสินใจขายเงินลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเลห์แมน บราเธอร์ส และบริษัทวาณิชธนกิจอีก 2 แห่งในต่างประเทศออกไปก่อนกำหนด ทำให้เกิดผลขาดทุนสุทธิจากเงินลงทุนดังกล่าว 732 ล้านบาท

สำหรับงบการเงินรวม ยังได้รวมผลขาดทุนจากการขายหุ้นทุนและการปรับลดราคาของเงินลงทุนภายในประเทศ โดยบริษัทย่อย 2 บริษัท ธนาคารจึงได้แสดงผลขาดทุนสุทธิจากเงินลงทุนเป็นจำนวน 971 ล้านบาท

นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร SCB กล่าวว่า ในไตรมาสนี้รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเติบโตต่อเนื่อง 4.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.96% เทียบกับ 3.92 ในไตรมาสก่อน ขณะที่สินเชื่อขยายตัว 11.5% เทีบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ธนาคารยังมีรายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการเติบโต 4.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ณ สิ้นไตรมาส 3/51 อัตราส่วนเงินกองทุนตามกฎหมายต่อสินทรัพย์เสี่ยง(บีไอเอส) ขอธนาคารอยู่ในระดับที่สูงมากที่ 17.1% เป็นเงินกองทุนขั้นที่1 อยู่ที่ 12.4% และเงินกองทุนขั้นที่ 2 อยู่ที่ 4.7% ซึ่งสูงกว่าอัตราขั้นต่ำทีทางการกำหนดไว้ที่ 8.5%

เงินกองทุนที่สูงดังกล่าวเป็นผลมาจากการมีสินเชื่อรายย่อยในสัดส่วนที่สูงและความสามารถในการทำกำไรอย่างดีเยี่ยมของเครือข่ายของธนาคารตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เงินกองทุนที่แข็งแกร่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ธนาคารรับมืออย่างมีประสิทธิภาพกับภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะถดถอย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ