บมจ.ซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์(CSP)แผยปี 52 ขอตั้งเป้าหมายเติบโตแบบ Conservative ที่ 10% จากปี 51 ที่โต 25% ซึ่งปีนี้ถือว่าเติบโตได้เกินคาดจากผลดีจากราคาเหล็กที่ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันเมื่อช่วงตอนต้นปีที่ผ่านมา เผยแม้ราคาน้ำมันจะอ่อนตัวลงและเศรษฐกิจโลกชะลอ ก็ไม่กังวลแต่ขอวางเป้าดำเนินธุรกิจแบบประคองตัว
ยอมรับมีความสนใจซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นรายย่อย แต่ยังเป็นเพียงแค่กรณีศึกษา ซึ่งอาจจะมีการชงเรื่องเข้าที่ประชุมบอร์ดราวต้นเดือน พ.ย.
นายวีรศักดิ์ ชัยสุพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ CSP เปิดเผยว่า เชื่อว่าปี 52 บริษัทจะยังเติบโตได้ด้วยธุรกิจที่ทำอยู่ ถ้าไม่มีอะไรกดดันหรือกระทบให้สถานการณ์แย่ไปกว่านี้ จากที่ในปีนี้ถือว่าบริษัทเติบโตสูงผิดปกติเนื่องจากราคาเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้นมากมาก แต่ปีหน้าขอมองการเติบโตเป็นปกติ คาดว่าปริมาณยอดขายน่าจะโตได้ประมาณ 10% จากปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตได้ 25% ตามเป้า
"จริงๆ ปีนี้ก็คิดว่าจะโตแค่ 10% จากปี 50 แต่เผอิญราคาเหล็กปรับสูงขึ้นตามราคาน้ำมันเมื่อช่วงต้นปี ทำให้ปีนี้ค่อนข้างพิเศษโตได้ 25% ส่วนปีหน้าเราคงจะขอประคองตัว ดำเนินธุรกิจแบบระมัดระวัง โตแบบ Conservative ประมาณ 10% ผมถึงบอกแผนปีหน้าคงไม่มีการขยายกำลังผลิตอะไร เพราะปีนี้เราเพิ่มแล้ว ก็รอดูว่ากำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นรองรับการขยายตัวของตลาดได้แค่ไหน"นายวีรศักดิ์ กล่าวกับ "อินโฟเควสท์"
อนึ่ง ก่อนหน้านี้บริษัทเคยคาดว่าในปีนี้รายได้อาจเติบโตสูงถึง 30-40% หรือเพิ่มขึ้นมาที่ 4,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดขาย 2,792 ล้านบาท
*ติดตั้งเครื่องจักรเสร็จ Q4/51 ช้ากว่ากำหนด Q3/51
นายวีรศักดิ์ ยังกล่าวถึงสาเหตุที่ต้องเลื่อนการเพิ่มกำลังการผลิตออกไปก่อน เนื่องจากมีความผิดพลาดทางเทคนิคเล็กน้อยแต่ไม่ได้เลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด เพราะเราลงทุนไปเรียบร้อยแล้ว
"มันมีข้อผิดพลาดเล็กน้อยเรื่องการคาดคะเนบางอย่างคลาดเคลื่อนไปหน่อยนึง คงไม่ได้เลื่อนออกไปไม่มีกำหนดเพราะว่าเศรษฐกิจไม่ดี เพราะเราลงทุนไปเรียบร้อยแล้ว เครื่องจักรก็ซื้อมาแล้ว รอการติดตั้งแค่นั้นเอง"นายวีรศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทจะติดตั้งเครื่องตัดแผ่นแถบ กำลังผลิต 2 หมื่นตัน/ปีแล้วเสร็จในไตรมาส 4/51 และก่อนหน้านี้คือเมื่อตอน Q2/51 บริษัทฯ ได้ติดตั้งเครื่องตัดเหล็กแผ่นกำลังผลิต 2 หมื่นตัน/ปีเสร็จไปเครื่องหนึ่งแล้ว โดยจะทำให้กำลังผลิตจะเพิ่มเป็น 2.2 แสนตัน/ปี จากเดืมมี 1.8 แสนตัน/ปี สามารถรองรับการขยายธุรกิจได้อย่างดี
ส่วนแผนการลงทุนปีหน้า ณ ขณะนี้ยังไม่มีแผนใด ๆ เพราะภาวะเศรษฐกิจโลกเป็นแบบนี้ประกอบกับสถานการณ์การเมืองในประเทศด้วย คงไม่เหมาะที่จะมีการลงทุนเพิ่ม
สำหรับกลุ่มลูกค้าของ CSP อยู่ในประเทศเกือบ 100% ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ อะไหล่มอเตอร์ไซค์ ประมาณ 35%, อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ประมาณ 15%, อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ ประมาณ 15% และที่เหลือเป็นกลุ่มลูกค้าที่เป็นร้านค้าเหล็กที่ซื้อไปจำหน่ายต่อ
"เราไม่ได้เป็นผู้ผลิตต้นนำเหมือน SSI หรือ GSTEEL เราเป็นศูนย์บริการจึงส่งออกน้อยมาก"นายวีรศักดิ์ กล่าว
นายวีรศักดิ์ ยังเชื่อว่าอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์จะยังสามารถเติบโตต่อไปได้ในปีหน้า แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะซบเซา แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ก็ติดตามข่าวและสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ส่วนกรณีพันธมิตรจีนที่เคยเจรจาความร่วมมือในการตั้งโรงงานผลิต และจะให้ CSP ผลิตเหล็กแผ่นสำเร็จรูปป้อนให้กับโรงงานของในจีนนั้น แม้ว่าช่วงนี้พันธมิตรรายนี้อาจจะเงียบๆ ไป แต่บริษัทก็เข้าใจ เพราะสถานการณ์การเมืองบ้านเราและยังมีเรื่องภาวะเศรษฐกิจโลกเข้ามากระทบด้วย
"ทางนั้นเขาก็ห่วงเรื่องการลงทุน แต่ก็ไม่ใช่ว่าขาดพันธมิตรธุรกิจแล้วยอดขายเราจะไม่เติบโต ซึ่งปีนี้เราก็โตได้ถึง 25% ถือว่ามากพอสมควร"นายวีรศักดิ์ กล่าว
*ชงแผนซื้อหุ้นคืนให้บอร์ดพิจารณต้นเดือน พ.ย.นี้
นายวีรศักดิ์ ยอมรับว่าบริษัทมีความสนใจซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นรายย่อย แต่ยังเป็นเพียงแค่กรณีศึกษา เนื่องจากเห็นว่าราคาหุ้นต่ำกว่าความเป็นจริง ไม่สะท้อนกับภาพธุรกิจ เพียงแต่ยังเป็นแค่กรณีศึกษา คาดว่าในการประชุมคณะกรรมการบริษัทประมาณต้นเดือน พ.ย.นี้ซึ่งจะเป็นการประชุมรับรองงบการเงินไตรมาส 3/51 อาจจะมีการหารือกันถึงเรื่องนี้ด้วย
"เป็นการศึกษาความเป็นไปได้ แต่ไม่ได้เป็นโครงการที่จะซีเรียสอะไร ก็ศึกษาดูตลาด ดูแนวทางเหมือนกับที่บริษัทอื่นๆ แต่ยังไม่ได้มีกำหนดรายละเอียดจำนวนหุ้น วงเงินที่จะซื้อหุ้นคืน"นายวีรศักดิ์ กล่าว