ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกผลประกอบการเอกชน ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 231.77 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 22, 2008 06:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) หลังจากบริษัท ดูปองท์, บริษัท ซันไมโคร ซิสเต็มส์ และบริษัท เท็กซัส อินสตรูเมนท์ส ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ของบริษัทในสหรัฐและภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 231.77 จุด หรือ 2.50% แตะที่ 9033.66 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 30.35 จุด หรือ 3.08% แตะที่ 955.05 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 73.35 จุด หรือ 4.14% แตะที่ 1,696.68 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.16 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.19 พันล้านหุ้น

แฮร์รี่ คล้าก หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท Clark Capital Management กล่าวว่า "อีกครั้งหนึ่งที่บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก นักลงทุนอ่อนไหวและเปราะบางต่อกระแสคาดการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาด โดยเฉพาะการปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัท ซัน ไมโครซิสเต็มส์ และดูปองท์ นักลงทุนแทบจะไม่ให้น้ำหนักกับความพยายามของประธานธนาคารกลางสหรัฐที่สนับสนุนให้มีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสอง"

เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านงบประมาณแห่งสภาคองเกรสว่า "สภาคองเกรสควรพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่สอง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้ เนื่องจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลงอีกใน 2-3 ไตรมาสข้างหน้าและมีปัจจัยมากมายที่จะฉุดรั้งเศรษฐกิจให้เผชิญช่วงขาลง"

"ผมแนะนำว่ามาตรการรอบที่สองควรจะครอบคลุมถึงการเปิดทางให้ผู้บริโภค, กลุ่มผู้ซื้อบ้าน ภาคธุรกิจ และประชาชนทั่วไป เข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ดีและทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นด้วย จนถึงขณะนี้ผมก็ยังเชื่อว่า การใช้มาตรการการเงินควบคู่ไปกับการสร้างเสถียรภาพในตลาดอสังหาริมทรัพย์และผ่อนคลายภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ จะช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐกลับมาขยายตัวได้ดีเหมือนเมื่อก่อนได้ไม่ยากนัก" เบอร์นันเก้กล่าวต่อสภาคองเกรส

นักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์นี้ รวมถึงบริษัทโบอิ้ง ไมโครซอฟท์ คาร์เตอร์พิลลาร์ เอทีแอนด์ที อัลเทรีย กรุ๊ป และ 3M ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์ได้แก่ ตัวเลขชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงานประจำสัปดาห์ และยอดขายบ้านมือสอง

หุ้นซัน ไมโครซิสเต็มส์ ร่วงลง 17.5% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่าอาจจะขาดทุนและปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชีในไตรมาส 4 ขณะที่หุ้นดูปองท์ ดิ่งลง 8% หุ้นเท็กซัส อินสตรูเมนท์ส ร่วงลง 6.3% หลังจากบริษัททั้งสองปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการเช่นกัน

ส่วนหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ส ร่วงลง 6.9% หลังจากมีรายงานว่านายเคิร์ก เคอร์โคเรียน มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดัง ประกาศขายหุ้น 7.3 ล้านหุ้นในบริษัทฟอร์ด ขณะที่หุ้นไฟเซอร์ปิดทรงตัวที่ 17.34 ดอลลาร์ หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่สูงเกินคาด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ