นายสมประสงค์ บุณยะชัย รองประธานกรรมการ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC)กล่าวว่า ในปี 2552 บริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 500 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะเน้นการลงทุนโครงข่ายระบบ 3G หากได้รับใบอนุญาตจากภาครัฐ และจะลดการลงทุนในโครงข่าย 2.5G แต่หากการให้ใบอนุญาตล่าช้าก็จะหันกลับเน้นการลงทุนในระบบเดิมไปก่อน เพื่อรองรับลูกค้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
"เราวางงบลงทุนไว้ที่ 500 ล้านเหรียญ แม้ว่าจะมีการลงทุน 3G ก็จะไม่มีการปรับเพิ่มงบลงทุนแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว การลงทุนต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง หากมี 3GG น้ำหนักการลงทุนก็จะไปลงที่ 3G และชะลอหรือลดการลงทุนด้านอื่นออกไป"นายสมประสงค์ กล่าว
สำหรับเม็ดเงินที่จะใช้ในการลงทุนยังคงจะมาจากการระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ และการกู้ยืมจากสถาบันการเงินหลายแห่ง
อย่างไรก็ตาม การลงทุน 3G นั้นบริษัทได้เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้วบนคลื่นความถี่เดิม เพื่อให้บริการในจังหวัเชียงใหม่ และมีความพร้อมที่จะขยายต่อไป เพียงแต่ต้องการรอใบอนุญาตจากภาครัฐก่อน รวมทั้งการให้บริการ wi-max แต่ก็จะรอใบอนุญาตเช่นเดียวกัน
นายสมประสงค์ กล่าวว่า ในปี 2552 ธุรกิจจำเป็นต้องมีการปรับตัวตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก รวมถึงภาวะการเมืองในประเทศที่ยังขาดเสถียรภาพ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ แต่บริษัทก็มีการลงทุนอย่างระมัดระวัง เพราะเคยประสบปัญหาทางการเงินมาแล้ว ซึ่งบริษัทก็พยายามดำรงสภาพคล่องไว้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา แต่ยืนยันว่าการลงทุนระบบ 3G มีความจำเป็น เพราะทั่วโลกต่างก็ลงทุนกันไปแล้ว หากไทยไม่ทำก็จะเกิดความล้าหลังและไม่มีความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงการจัดหาอุปกรณ์เพื่อลงทุนโครงข่ายก็จะเป็นเรื่องยาก
ในปี 52 บริษัทยังเชื่อว่าธุรกิจให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยังขยายตัวได้ แต่คงจะเติบโตน้อยกว่าปีนี้ และเชื่อว่าธุรกิจโทรคมนาคมจะได้รับผลกระทบไม่มากนักจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เพราะถือเป็นความจำเป็นพื้นฐาน และมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการเดินทาง