(เพิ่มเติม) ไทยเบฟฯ จะกระจายหุ้น 80 ล้านหุ้นให้นักลงทุนก่อนเข้าเทรดในตลาดหุ้นไทย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 22, 2008 18:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ จะเสนอขายหุ้นสามัญเดิมให้กับนักกลงทุนไทยเป็นจำนวน 80 ล้านหุ้น ก่อนนำหุ้นเข้าจดทะเบียนเพื่อทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไทยควบคู่ไปกับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ในลักษณะ Dual Listing

นายอวยชัย ตันทโอภาส กรรมการผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ไทยเบฟฯ กล่าวว่า แผนกระจายหุ้นให้กับนักลงทุนในไทยนั้น จะเป็นหุ้นเดิมของไทยเบฟฯ ในส่วนที่บริษัท สิริวนา ถือครองอยู่ประมาณ 0.3% ของหุ้นทั้งหมดที่บริษัท สิริวนาถือหุ้นไทยเบฟฯ อยู่ทั้งหมดราว 8.75% ส่วนผู้ถือหุ้นรายใดจะขายหุ้นออกมาอีกหรือไม่ก็คงจะมีการพิจารณากันต่อไปในอนาคต

สำหรับราคาขายหุ้น IPO จะคำนวณจากภาวะตลาดในช่วงที่เสนอขาย ประกอบกับราคาหุ้นที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระดับ 0.225 ดอลลาร์สิงคโปร์/หุ้น มาร์เก็ตแคป 130,000 ล้านบาท คาดว่าจะขาย IPO ได้ไม่เกิน 30 วันจากนี้ หลังจากยื่นไฟลิ่งให้กับสำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ไปแล้ว โดยมีบล.ภัทร และ บล.ไทยพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

นายอวยชัย กล่าวว่า บริษัทไม่กังวลว่ากลุ่มของพล.ต.จำลอง ศรีเมือง จะออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านอีก เพราะขณะนี้มี พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ออกมาแล้ว และการที่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์ก็เป็นการแสดงถึงความโปร่งใสและธรรมาภิบาล แต่ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยด้วยเพราะได้รับการเชิญจากผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ของไทยที่เห็นว่าการที่ไทยเบฟฯ เข้ามาเทรดจะช่วยสร้างความน่าสนใจให้กับภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ได้

"ถามว่าทำไมเราถึงมาเข้าตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ ก็เพราะพอหลัง พ.ร.บ.แอลกอลฮอลล์มีผลบังคับใช้เราก็เริ่มกระบวนการทันที แล้วมันก็มาตกในช่วงนี้พอดี ซึ่งจากนี้ไม่ว่าจะมีกระแสต่อต้านอย่างไรเราก็ไม่กังวลเพราะมี พ.ร.บ.ผ่านแล้ว อีกทั้งไทยเบฟฯเป็นบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นสิงคโปร์ถือว่ามีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และเราก็สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุและผล...หน้าที่ของเราคือทำให้ทุกอย่างสิ้นสุดตามกระบวนการ"นายอวยชัย กล่าว

นายอวยชัย กล่าวว่า หลังไทยเบฟฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยแล้วจะถือเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าตลาดรวมสูงติดอันดับ 1 ใน 10 ของตลาดทุนไทย และบริษัทจ่ายภาษีให้กับภาครัฐสูงถึงปีละ 5 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 4% ของยอดจัดเก็บภาษีภาครัฐในแต่ละปี โดยการเข้าตลาดหุ้นของไทยเบฟฯ จะไม่มีผลต่อบริษัทลูกที่อยู่ในตลาดฯแล้วอย่าง บมจ.โออิชิ (OISHI) และจะไม่มีแผนถอนหุ้นไทยเบฟฯ ออกจากตลาดหุ้นสิงคโปร์

ด้านการดำเนินธุรกิจนั้น บริษัทยังมีเป้าหมายจะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และนอนแอลกอฮอล์ รวมทั้งสร้างการเติบโตของยอดขายในตลาดต่างประเทศ ซึ่งผลประกอบการครึ่งแรกของปีนี้ บริษัทมียอดขาย 5.1 หมื่นล้านบาท เติบโต 4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่อัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margins) อยู่ที่ 5 พันล้านบาท ลดลง 4.6%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ