ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกศก.ถดถอย-ผลประกอบการเอกชน ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 514.45 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 23, 2008 06:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (22 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าวิกฤตการณ์สินเชื่ออาจฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐให้ถดถอยเร็วขึ้นและส่งผลกระทบต่อผลประกอบการบริษัทเอกชน นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนักหลังจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้น ได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลงด้วย

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 514.45 จุด หรือ 5.69% ปิดที่ 8,519.21 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 58.27 หรือ 6.10% ปิดที่ 896.78 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 80.93 จุด หรือ 4.77% ปิดที่ 1,615.75 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.56 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 5 ต่อ 1

จอห์น ธอร์ตัน นักวิเคราะห์จากบริษัท Stephens Investment Management Group LLC กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซาลงหลังจากธนาคารวาโชเวีย คอร์ป คาดการณ์ว่าธนาคารอาจขาดทุนอย่างหนักในไตรมาส 3 ขณะที่บริษัทผลิตยายักษ์ใหญ่อย่างเมิร์ก แอนด์ โค เปิดเผยว่ากำไรไตรมาส 3 ของบริษัทร่วงลง 28% และคาดว่าจะลดการจ้างงานลงราว 10%

ก่อนหน้านี้ ยาฮู อิงค์ เปิดเผยว่ากำไรไตรมาส 3 ทรุดฮวบลง 64% ส่งผลให้บริษัทต้องปรับลดจำนวนพนักงานอีกอย่างน้อย 1,500 ตำแหน่ง ซึ่งเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมาบริษัทได้ปลดพนักงานไปแล้ว 1,000 ตำแหน่ง ซึ่งปลดพนักงานครั้งล่าสุดนี้คิดเป็นสัดส่วน 10% ของพนักงานทั้งหมดที่มีอยู่ราว 15,000 ตำแหน่ง และถือเป็นครั้งที่สองในรอบ 9 เดือนที่ยาฮูได้ตัดสินใจลดพนักงานครั้งใหญ่อีกครั้งหลังจากที่ราคาหุ้นดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีครึ่ง

ยาฮู กลายเป็นตัวแทนของกลุ่มธุรกิจไอทีในสหรัฐรายล่าสุดที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาในตลาดสินเชื่อ เช่นเดียวกับกลุ่มธุรกิจธนาคารและธุรกิจค้าปลีกที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตการณ์ดังกล่าว

หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ดิ่งลงกว่า 5 ดอลลาร์ โดยหุ้นอัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมินัมรายใหญ่ ร่วงลง 13.4% หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แกน คอปเปอรื แอนด์ โกลด์ ร่วงลง 5.82%

หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 9.7% และหุ้นเชฟรอนดิ่งลง 7.56%

อย่างไรก็ตาม การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้น โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส พุ่งขึ้น 6.2% และหุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส ปิดบวก 0.4%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ