ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทเอกชน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 172.04 จุด หรือ 2.02% แตะที่ 8,691.25 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 11.33 จุด หรือ 1.26% แตะที่ 908.11 จุด และ ดัชนี Nasdaq ปิดลบ 11.84 จุด หรือ 0.73% แตะที่ 1,603.91 จุด ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.69 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 5 ต่อ 3 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 3.14 พันล้านหุ้น
สก็อต ฟูลแมน นักวิเคราะห์จาก WJB Capital Group กล่าวว่า "ในช่วงเช้านักลงทุนเข้าซื้อหุ้นอย่างคึกคัก แต่จากนั้นไม่นานแรงซื้อก็เริ่มลดน้อยลงเนื่องจากกระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่น อย่างไรก็ตาม แรงซื้อส่วนหนึ่งกระจุกตัวอยู่ในหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยพยุงดัชนีดาวโจนส์ให้ปิดในแดนลบได้สำเร็จ"
ขณะที่ แมนนี เวนทรับ นักวิเคราะห์จาก Integre Advisors กล่าวว่า "หนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กมาจากแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ที่จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำโลกเพื่อแก้ไขวิกฤตการเงินที่ลุกลามไปทั่วโลก และข่าวที่ว่าประธานาธิบดีฝรั่งเศสจะเรียกร้องให้ผู้นำในประเทศเอเชียร่วมสนับการปฏิรูประบบการเงินโลก ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งคือการซื้อเก็งกำไร โดยนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันก่อน"
ทั้งนี้ สหรัฐจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำโลกในวันที่ 15 พ.ย. เพื่อหาแนวทางแก้ไขวิกฤตการณ์การเงินโลก ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์สาเหตุของวิกฤตการณ์การเงิน การทบทวนมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการรับมือกับวิกฤตการณ์รุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น และการปฏิรูประบบการเงินเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าจะไม่เกิดปัญหาในระบบขึ้นอีก
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียและยุโรป (ASEM) ซึ่งจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วันที่กรุงปักกิ่งและจะเริ่มในวันศุกร์ที่ 24 ต.ค.นั้น นายนิโคลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส จะขอความร่วมมือจากกลุ่มประเทศในเอเชียในการฟื้นฟูระบบการเงินโลก
ดัชนี S&P หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 6.6% หลังจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น 1.09 ดอลลาร์ แตะที่ 67.84 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากการคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มโอเปคจะลดการผลิตในการประชุมฉุกเฉินวันศุกร์ที่
หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 5.3% หุ้นดาว เคมิคอล ดีดขึ้น 10% หุ้นโบอิ้งดีดขึ้น 8.4% และหุ้น 3M พุ่งขึ้น 3.35%
โธมัส เจ ลี หัวหน้านักยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนในตลาดหุ้นของเจพีมอร์แกน แนะนำนักลงทุนให้เข้าซื้อหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ 16 ตัว ได้แก่ หุ้น 3M, แบ็กซ์เตอร์ อินเตอร์เนชันแนล, ซีเอ อิงค์, เดวอน มิลส์, เจนเนอรัล มิลส์, จิเลียด ไซแอนซ์, กูเกิล, ฮิวเล็ต แพคการ์ด, แมคโดนัลด์, เมิร์ก แอนด์ โค, มอนซานโต, นูคอร์, ฟิลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชันแนล, ยูเนียน แปซิฟิก คอร์ป (UPC) และวีซ่า
"เราคาดว่าหุ้นทั้ง 16 ตัวมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งที่สุดจากบรรดาหุ้น 78 ตัวที่เจพีมอร์แกนแนะนำ และเชื่อว่าบริษัททั้ง 16 แห่งจะสามารถรับมือกับวิกฟตเศรษฐกิจถดถอยที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้าได้" นายลีกล่าว