ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทรุดหนักเมื่อคืนนี้ (24 ต.ค.) หลังจากที่รัฐบาลได้เปิดเผยตัวเลขจีดีพีไตรมาสสามที่ร่วงลง ซึ่งเป็นการยืนยันว่าเศรษฐกิจอังกฤษได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว
ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วงลง 204.47 จุด หรือ 5% แตะที่ 3883.36 จุด โดยในระหว่างวันดัชนีดิ่งลงถึง 9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เม.ย. 2546
หุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงานถูกกระหน่ำขายมากที่สุด เนื่องจากนักลงทุนหวั่นเกรงว่าสภาพเศรษฐกิจที่เลวร้ายทั้งในและนอกประเทศจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า หุ้น HSBC Holdings Plc ธนาคารรายใหญ่สุดของยุโรป ปรับตัวลง 8.4% มากที่สุดนับตั้งแต่ 11 ก.ย. 2544 หลังจากที่มอร์แกน สแตนลีย์ ลดคาดการณ์ผลกำไรของธนาคารในปีนี้ลง 3% เหลือหุ้นละ 1.11 ดอลลาร์ และกำไรปีหน้าลง 10% แตะ 1.05 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ขณะที่ หุ้น Barclays Plc ร่วงลง 4.1% หลังจากถูก UBS AG ปรับลดความน่าลงทุนในหุ้นเป็น "neutral'' จาก "buy'' เนื่องจากกำไรและเงินปันผลของธนาคารรายใหญ่อันดับสองของอังกฤษแห่งนี้อาจได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารเพิ่มทุน
ส่วนในกลุ่มพลังงานนั้น หุ้น BG Group Plc ผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซของอังกฤษ ร่วงลง 5%, BHP Billiton Ltd. บริษัทเหมืองแร่ยักษ์ใหญ่ของโลก ขยับลง 1.7% และ Royal Dutch Shell Plc บริษัทน้ำมันใหญ่สุดของยุโรป ลดลง 5%
สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า เศรษฐกิจไตรมาส 3 ของอังกฤษหดตัวลงมากกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ เนื่องจากวิกฤตการเงินได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจประเภทต่างๆ ตั้งแต่ธุรกิจการธนาคารไปจนถึงการก่อสร้าง ซึ่งข้อมูลล่าสุดนี้ชี้ให้เห็นว่า อังกฤษใกล้จะเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2534
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษไตรมาส 3 หดตัวลง 0.5% จากระดับไตรมาส 2 ซึ่งถือเป็นการหดตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2535 โดยนักเศรษฐศาสตร์ที่บลูมเบิร์กได้สำรวจความคิดเห็นคาดว่า GDP ไตรมาส 3 จะหดตัวลงแค่ 0.2%